PLT ผลงาน Q1/66 ท็อปฟอร์ม กำไรพุ่ง 54%

PLT โชว์ผลงานไตรมาส 1/2566 กำไรสุทธิ 20.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% กวาดรายได้จากการให้บริการ ทะลุ 200.80 ล้านบาท ปักหมุดภาพรวมธุรกิจปีนี้เติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง

นายวราวิช ฉิมตะวัน กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีลาทัส มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PLT เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 ว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยสามารถทำผลงานเติบโตได้ตามเป้าหมาย มีรายได้จากการให้บริการ 200.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.71 % และมีกำไรสุทธิ 20.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.06 ล้านบาท

โดยรายได้จากการขายให้บริการที่ปรับเพิ่มขึ้น 5.71% เกิดจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้ในทุกธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะรายได้จากการขนส่งทางเรือที่ปรับเพิ่มสูงสุด อยู่ที่ 188.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนอยู่ที่ 177.29 ล้านบาท เนื่องจากราคาอัตราค่าขนส่งอ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกของดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการน้ำมันซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 16.29 จากสภาวะเศรษฐกิจโลก และสัญญาขนส่งบางสัญญามีการปรับอัตราค่าขนส่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนในอัตรา 2-4% รายได้จากขนส่งทางรถอยู่ที่ 12.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน 12.66 ล้านบาท แบ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากการขนส่งทางรถในประเทศจำนวน 12.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน 9.58 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขนส่งในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้ก๊าซ หลังการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันขายปลีกของดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการน้ำมัน เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16.29%

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีต้นทุนการให้บริการขนส่งรวม 158.43 ล้านบาท ลดลง 0.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน 158.56 ล้านบาท สาเหตุหลักจากต้นทุนการให้บริการขนส่งทางเรือลดลง 0.70 ล้านบาท หรือ 0.47% เกิดจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลง 21.65% เนื่องมาจากปีก่อนมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมเรือครั้งใหญ่ รวมถึงต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น ประมาณ 11.85% เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นตาม แต่มันเตาราคาปรับลดลงเล็กน้อย

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ 42.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน 31.39 ล้านบาท เนื่องจากในธุรกิจให้บริการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น 11.51 ล้านบาท หรือ 38.90% โดยสาเหตุหลักเกิดจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการในประเทศในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 อันเป็นผลมาจากการถูกตรึงราคาน้ำมันโดยรัฐบาล ส่งผลให้รายได้ซึ่งมีอัตราค่าขนส่งที่อ้างอิงกับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนน้ำเตา ซึ่งเป็นน้ำมันที่ใช้ในการเดินเรือมีราคาปรับลดลง ทำให้ส่วนต่างของราคาน้ำที่ใช้กำหนดราคาขายและต้นทุนน้ำมันใช้ไป เพิ่มขึ้น 30-50% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ มุ่งต่อยอดการให้บริการขนส่งทางเรือและรถบรรทุกเพิ่มมากขึ้น ตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือน ภาคการขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมรวมต่าง ๆ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน พร้อมเร่งเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถการให้บริการ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นและมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ตามที่ได้แจ้งไว้ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ก่อนหน้า

“แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสร้างผลงานได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนรถบรรทุกขนส่งและเรือขนส่ง LPG ที่มีความพร้อมในการให้บริการ ประกอบกับศักยภาพของบุคลากร กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและแผนขยายธุรกิจตามยุทธศาสตร์ที่กำหนด ซึ่งล่าสุด ได้ทำสัญญาเป็นผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและสินค้าอื่นทางรถบรรทุก (ประเภทก๊าซปิโตรเลียมเหลว) เพื่อขนส่งในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ด้วยจำนวนรถบรรทุกที่พร้อมให้บริการ 39 คัน ให้กับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นั้น มีอายุ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2571 ซึ่งจะทำให้ปริมาณการขนส่งในปี 2567 เติบโตขึ้นจากปี 2565 มากถึง 150-200% และสามารถช่วยคับเคลื่อนให้รายได้ในปี 2567 ให้มีโอกาสเฉียด 1,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่บริษัทคาดการณ์ไว้” นายวราวิช กล่าว

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED