“NER” เดินหน้าสร้างโรงงานแห่งที่ 3 รองรับลูกค้าใหม่ ย้ำปี 66 โตตามเป้า พร้อมตั้งรับสถานการณ์ราคายางที่ผันผวน

บมจ. นอร์ทอีสรับเบอร์ หรือ NER เตรียมเสนอบอร์ดอนุมัติเงิน 1,200 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 302,400 ตันเพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ย้ำครึ่งปีหลังของปี 2566 ยังมุ่งเน้นการขยายตลาดต่อเนื่องมั่นใจปี 2566 มียอดขาย 500,000 ตันตามเป้าหมายที่วางไว้พร้อมป้องกันสถานการณ์ความเสี่ยงของราคายางที่ผันผวนด้วยวิธี matching order เพื่อรักษาอัตรากำไร  

นายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารบัญชี-การเงิน บริษัท นอร์ทอีสรับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทยางแท่งและยางแท่งผสม โดยจะขอนำเสนอบอร์ดเพื่อพิจารณาอนุมัติเงิน 1,200 ล้านบาท สำหรับการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 มีกำลังการผลิต 302,400 ตัน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกจะมีกำลังการผลิต 172,800 ตัน คาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จปลายปี 2567 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 818,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 515,600 ตัน โดยยังมุ่งเน้นการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีการเซ็นสัญญากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายรายทั้งในประเทศจีน สิงคโปร์ อินเดีย และไทย และคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มอีกหลายราย 

ด้านภาพรวมปี 2566 บริษัทยังคงตั้งเป้าปริมาณขายสินค้าที่ 500,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 515,600 ตัน โดยการเติบโตมาจากการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าต่างๆ และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีการขายให้กับลูกค้าไปถึงไตรมาสที่ 1/2567 แล้ว จากอานิสงค์ของคำสั่งซื้อจากประเทศจีนที่ยังมีความต้องการสูงและราคายางที่ปรับตัวดีขึ้น 

สำหรับสถานการณ์ราคายางพารานั้น เริ่มมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด (Demand) ภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งตลาดในและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มยานยนต์ (รวมยานยนต์ไฟฟ้าตามแผนสนับสนุนของภาครัฐ) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มขยายตัวหนุนความต้องการใช้ยางในภาคก่อสร้าง  ส่วนสถานการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นนั้น บริษัทใช้วิธี “Matching Order” เพื่อป้องกันความเสี่ยงของราคายางที่ผัน ซึ่งทำให้บริษัทสามารรักษาอัตราการทำกำไร

บล.บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) 3Q66 กําไรออกมาต่ำกว่าตลาดฯคาด

3Q66มีการเลื่อนการส่งมอบสินค้าไปที่ส่งยังจีนทำให้รายได้จากการขายต่างประเทศลดลงซึ่งรายได้ส่วนนี้มี GPM สูงทำให้มี GPM รวมลดลงกำไรสุทธิลดลง y-yและ q-qตามด้วยกำไรที่ออกมาต่ากว่าคาดอาจเห็นราคาหุ้นผันผวนในระยะสั้นแต่ด้วยปัจจุบันราคายางยังปรับตัวเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องและด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาต่ายังคงคำแนะนำ”ซื้อ”

บล. อินโนเวสท์เอกซ์

แม้ 4Q66 คาดกำไรปกติจะดีขึ้น QoQ จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเพราะมีการส่งมอบยางจากจีนที่เลื่อนจากไตรมาสก่อนมา และคาดกำไรปกติจะทรงตัวหรือเติบโตได้เล็กน้อยYoYเนื่องจากมีฐานกำไรต่ำใน 4Q65 แต่กำไรปกติ 9M66 คิดเป็น 71% ของประมาณการทั้งปีซึ่งสูงเกินไป อีกทั้งเรายังกังวลความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกถดถอยจะส่งผลต่อปริมาณขายและราคายางฟื้นตัวช้า รวมทั้งต้องจับตาภาวะเอลนีโญอาจกระทบต่อผลผลิตยางทำให้ต้นทุนยางสูงขึ้นกดดันศักยภาพทำกำไรในระยะถัดไปได้ เราจึงขอปรับลดประมาณการลง 6% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2566 NER จะมีกำไรปกติ 1,532ลบ.หดตัว 17%YoY

เรามีการปรับไปใช้กรอบราคาเป้าหมายปี 2567ที่หุ้นละ 4.70-5.20บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 5.5-6.0 เท่าเช่นเดิม) ซึ่งพบว่า Upside ยังไม่จูงใจลงทุนรอบใหม่ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและภัยแล้งซึ่งอาจกระทบต่อผลการดำเนินงาน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นยังคงแนะนำชะลอลงทุนไปก่อน ขณะที่นักลงทุนที่มีหุ้นอยู่คงแนะนำถือรับปันผลหลังคาดปี 2567 กำไรปกติจะฟื้นตัวได้เล็กน้อย 4%YoY ขณะที่ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง มีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงราวปีละ 7% 

ความเสี่ยงสำคัญ คือ ความผันผวนของราคายางพารา, การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน, ภาวะภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญอาจกระทบผลผลิต, การแข็งค่าของเงินบาท

LATEST NEWS

SCB CIO มอง 3 ปัจจัยเสี่ยงทำโลกผันผวน แนะลงทุนแบบ Stay Invested จัดพอร์ตรอรับผลเลือกตั้งสหรัฐฯ

SCB CIO แนะจับตา 3 ปัจจัยหลักทำตลาดการเงินผันผวนในเดือนตุลาคมนี้ มองตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสปรับฐาน ช่วงก่อนการเลือกตั้ง และมีแนวโน้มปรับขึ้นหลังทราบผลการเลือกตั้ง แนะใช้กลยุทธ์ Stay Invested หาจังหวะลงทุน

GC เชิญร่วมงาน GC Sustainable Living Symposium 2024 ตอกย้ำ “ยั่งยืนไม่ยาก” Hybrid Event รวมพลคนหัวใจยั่งยืนเสวนาและนิทรรศการ 18 ตุลาคม 2567 นี้

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ขอเชิญคนหัวใจรักษ์โลก (GEN S: Generation Sustainability) ทุกวัย ทุกอาชีพ มาร่วมกันหาคำตอบของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ในรูปแบบ Hybrid Event ทั้ง On Ground และ Online ภายใต้แนวคิด “ยั่งยืนไม่ยาก”  พบกับการเสวนาเปิดมุมมองธุรกิจสู่ความยั่งยืนอย่างรอบด้านและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero โดยผู้นำจากทุกภาคส่วน ชมนิทรรศการนวัตกรรมที่คิดเพื่อโลก และแลกเปลี่ยนไอเดียสร้างสรรค์จุดแรงบันดาลใจกู้โลกเดือด เป็นประโยชน์สำหรับทั้งภาคธุรกิจและการใช้ชีวิตที่จะทำให้เรื่องของความยั่งยืนไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 นี้

RELATED