เส้นทางสู่ความมั่งคั่งในชีวิต | ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ผมคิดว่า “เส้นทางสู่ความมั่งคั่งในชีวิต” ของผมนั้น มาโดยความ “บังเอิญ” เป็นสิ่งที่ “ไม่ได้คาดคิด” มาก่อน เป็น “โชคดี” ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์และการกระทำหลาย ๆ อย่างในชีวิตต่อเนื่องมายาวนาน ถ้าจะใช้คำภาษาอังกฤษก็คือ เป็น “Serendipipity” ซึ่งแปลอย่างง่าย ๆ ว่า “โชคหรือสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นหรือค้นพบโดยไม่ได้คาดฝัน” คำ ๆ นี้มีที่มาจากเทพนิยายเรื่อง “The Three Princes of Serendip” หรือเจ้าชาย 3 องค์แห่งเซอรันดิป ซึ่งก็คือประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน โดยในเนื้อเรื่องหลักก็คือเจ้าชาย 3 องค์ชอบเดินทางผจญภัยไปเรื่อย ๆ และมักจะค้นพบสิ่งดี ๆ ที่ไม่ได้แสวงหาโดยบังเอิญอยู่เสมอ

ผมเคยเล่าเรื่องชีวิตของตนเองมาพอสมควรว่าตอนที่เริ่มต้นลงทุนอย่างจริงจังแบบ VI เมื่อประมาณเกือบ 30 ปีก่อนนั้น ผมไม่ได้คิดว่าตนเองจะรวย ผมคิดเพียงแต่ว่าจะ เอาตัวเองให้รอดและรักษาคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัวให้ได้แบบเดิมที่เป็นแบบคนชั้นกลางค่อนข้างดีได้อย่างไรเมื่อตนเอง “ตกงาน” และเศรษฐกิจของประเทศกำลังล่มสลายในวิกฤติครั้งใหญ่ปี 2540

ในตอนนั้น ผมคิดว่าผมคงเอาตัวรอดได้ และลึก ๆ ก็คือ ผมตั้งเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำของ VI ในประเทศไทย” แต่เรื่องของความมั่งคั่งหรือร่ำรวยนั้น ไม่ได้คิด แม้ว่าเมื่อลงทุนไปซักระยะหนึ่งก็รู้สึกว่า บางทีเราอาจจะมีเงินในระดับที่เรียกว่ามี “อิสระภาพทางการเงิน” อย่างสมบูรณ์ก่อนเกษียณที่อายุ 60 ปี

และ ก่อนตายหรือหมดความสามารถที่อายุ 80 ปี ผม “อาจ” จะมีเงินเป็นพันล้านบาทได้ ด้วยพลังของ “ผลตอบแทนทบต้น” ของการลงทุน อย่างไรก็ตาม เงินพันล้านบาทในอนาคตอีกประมาณเกือบ 40 ปี จะเรียกว่าเป็นคนรวยจริง ๆ ก็อาจจะไม่ได้ เพราะเงินเฟ้อคงบั่นทอนอำนาจซื้อลงไปมากจนอาจจะไม่ใช่คนรวยจริง ๆ อีกต่อไป

เวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ผมคิดว่าผมโชคดีที่ตลาดหุ้นและโดยเฉพาะหุ้นแบบ VI ได้เติบโตขึ้นมากและทำให้ VI จำนวนมากซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงตัวผมเองด้วย สามารถสร้างผลตอบแทนสุดยอด “เหนือจินตนาการ” เหนือกว่าตัวเลขผลตอบแทนของนักลงทุนระดับ “เซียนของโลก” หลาย ๆ คนที่ผมเคยศึกษามาในช่วงเวลาเดียวกัน ความมั่งคั่งจากผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ VI ไทยในช่วงเวลาดังกล่าวที่ผมเรียกว่าเป็น “ทศวรรษทองของ VI” นั้น เพิ่มขึ้นจนทำให้ VI จำนวนมากรวมถึงที่มีอายุไม่มากเหมือนผม “รวยไปเลย”

ผมพยายามหาว่าอะไรทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น? VI ไทยมีความสามารถหรือเก่งขนาดนั้นเลยหรือ? คำตอบที่คิดจากตนเองเป็นหลักก็คือ แน่นอนว่าความสามารถก็คงมีส่วน แต่สิ่งที่ทำให้ผลตอบแทนดีสุดยอดจริง ๆ ก็คือ “โชค” ที่ผมเรียกว่า Serendipity และโอกาสที่จะเกิดอีกครั้งในอีก 20 ปีข้างหน้านั้นคงมีน้อยมาก นักลงทุนที่หวังจะได้ผลตอบแทนทบต้นแบบนั้นอีกในอีก 20 หรือ 30 ปีข้างหน้าในตลาดหุ้นไทยคงจะเป็นไปไม่ได้ เมื่อคำนึงถึงว่าทศวรรษทองของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของไทยในยามที่คนไทยแก่ตัวลงอย่างรวดเร็วนั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว

ถ้าเช่นนั้น เส้นทางสู่ความมั่งคั่งในชีวิตของนักลงทุน “รุ่นใหม่” ในวันนี้จะไปทางไหน? และคำแนะนำของผมสำหรับคนที่อยากจะรวยหรือมีความมั่งคั่งสูงในชีวิตจะเป็นอย่างไร?

คำตอบของผมก็มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง นั่นก็คือการมองย้อนอดีตที่ผมรวยขึ้นมาว่าผมทำอะไรมาบ้างเริ่มตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ถึงตอนนี้ผมมองเห็นชัดขึ้น เพราะผมคิดย้อนหลังและมักจะเขียนมันออกมาผ่านบทความและการให้สัมภาษณ์ตลอดช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา
ประเด็นแรกก็คือ ถ้าเราอยากจะรวย เราจะต้องรู้ “กฎของความมั่งคั่ง” ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติตามกฎ โอกาสที่เราจะรวยหรือมีความมั่งคั่งสูงก็จะต่ำ แน่นอนว่ามีคนรวยได้เหมือนกันทั้ง ๆ ที่ปฏิบัติผิดกฎ ตัวอย่างเช่น คนที่ซื้อลอตเตอรี่แล้วถูกรางวัลใหญ่ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราปฏิบัติถูกกฎ โอกาสที่จะรวยนั้นก็อาจจะสูงมาก บางคนถ้ามีปัจจัยแห่งความสำเร็จเพียงพอบางอย่าง เช่น เรียนเก่งและเรียนจบเป็นแพทย์เฉพาะทาง การที่เขาจะมีความมั่งคั่งระดับพันล้านบาทในชีวิตนั้น แทบจะการันตีถ้าเขาปฏิบัติตามกฎแห่งความมั่งคั่ง

กฎแห่งความมั่งคั่งก็คือ เรื่องที่ผมอุปมาเปรียบเทียบกับตะเกียงวิเศษ 3 ดวง ที่ถูกเปิดพร้อมกันและมีความสว่างไสวมากซึ่งก็คือมีความมั่งคั่งสูงมาก โดยที่ตะเกียงดวงแรกก็คือเงินที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงและถูกเก็บออมไว้หรือเงินที่ได้รับโดยเสน่หาหรือเงินมรดก วิธีที่จะเพิ่มเงินส่วนนี้ให้มากก็คือ ต้องเป็นคนประหยัดใช้จ่ายแต่จำเป็น

นอกจากนั้น ถ้ายังรู้สึกว่าเงินก้อนนี้เพิ่มขึ้นไม่ทันใจเพราะรายได้หรือเงินเดือนไม่สูงอย่างอาชีพหมอหรือเป็นงานแบบผู้บริหารหรือผู้เชี่ยวชาญ เราก็อาจจะที่ต้องเลื่อนรายจ่ายใหญ่ที่ “จำเป็น” เช่น การซื้อบ้านและรถยนต์ออกไปด้วย และนั่นก็คือสิ่งที่ผมทำ ว่าที่จริงผมเองเพิ่งจะมีรถยนต์ของตนเองเมื่อเกษียณตอนอายุ 52 ปีไปแล้ว และมีบ้านของตนเองจริง ๆ หลังจากนั้นอีก 3-4 ปี
ผมเองคิดว่า

สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมรวยนั้น มาจากการเป็นคนประหยัดเก็บเงิน ถ้าผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ผมไม่รวยแน่ และก็คงต้องทำงานไปจนเกษียณ อาจจะอายุ 65 ปี และผมคิดว่านี่คือเส้นทางที่คนส่วนใหญ่ที่อยากรวยแต่พ่อแม่ไม่รวยควรจะเลือกเดิน นั่นก็คือ ทำงานหนักทำงานฉลาดและเก็บออมสูง แม้แต่สิ่งสำคัญอย่างบ้านและรถยนต์ถ้าเลี่ยงได้ก็อย่าเพิ่งรีบซื้อ

ตะเกียงดวงที่ 2 คือ การลงทุนเงินที่เก็บออมได้ในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยธรรมชาติ นั่นก็คือหุ้น อาจจะทั้งในตลาดหลักทรัพย์หรืออาจจะเป็นบริษัทธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นโดยที่ตนเองมีความสามารถที่จะบริหารได้โดยที่ความเสี่ยงที่จะล้มเหลวน้อย ตัวอย่างอาจจะเป็นการเปิดคลีนิคพิเศษที่ตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในโรคบางอย่าง เป็นต้น

แต่ถ้าไม่มีจุดแข็งอะไรเป็นพิเศษ การเลือกลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเรายังสามารถทำเงินเพิ่มความสว่างของตะเกียงดวงที่ 1 ที่จะไม่ริบหรี่ลง แต่มักจะสว่างขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามอายุงานและความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้น

สิ่งสำคัญถ้าจะเลือกเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นก็คือการเลือกว่าเราจะลงทุนในตลาดไหนและด้วยกลยุทธ์อย่างไร? เพราะในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มักจะขึ้นอยู่กับว่าประเทศที่ตลาดตั้งอยู่จะเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นอเมริกานั้น เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตมาตลอดและมีขนาดใหญ่มาก

การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐที่ผ่านมาเป็นร้อยปีจึงให้ผลตอบแทนที่ “ดีสุดยอด” ญี่ปุ่นเองก็เคยเจริญเติบโตเร็วมากตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงประมาณ ปี 1989 แต่ถ้าใครเข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 1990 เขาอาจจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลยจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 30 ปี เพราะเศรษฐกิจแทบจะหยุดโตไปแล้ว

ถ้าคิดว่าเรามีความรู้และความสามารถในการเลือกหุ้นลงทุนเอง อาจจะเป็นแบบ VI และไม่ต้องการความเสี่ยงสูงเกินไปโดยการกระจายความเสี่ยงในหุ้นอย่างน้อยซัก 10 ตัวขึ้นไป ผลตอบแทนที่ได้ก็อาจจะเพิ่มขึ้นจากประมาณปีละ 9% จากการลงทุนในกองทุนรวม เป็นปีละ 12% แบบทบต้น นี่ก็จะทำให้เส้นทางแห่งความมั่งคั่งของเราสูงขึ้นแบบทวีคูณในระยะยาว เช่น แทนที่จะมีเงิน 100 ล้านก็อาจจะเป็น 1,000 ล้านบาทในวันที่เราตาย แต่การได้ผลตอบแทนปีละ 12% นั้นก็ไม่ใช่เรื่องงาน เพราะนั่นก็เป็นผลตอบแทนใน “ระดับโลก” เหมือนกัน

สุดท้ายก็คือตะเกียงดวงที่ 3 เรื่องระยะเวลาในการลงทุนต่อเนื่อง ยิ่งยาวก็จะยิ่งรวย ว่าที่จริง ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ที่สุดนั้น มักไม่ใช่เรื่องของเงินต้นหรือผลตอบแทนการลงทุน แต่เป็นระยะเวลาการลงทุน ถ้าเรามีความมุ่งมั่นและศรัทธา ไม่รีบถอนเงินมาใช้และมีสุขภาพที่ดีอายุยืน ความมั่งคั่งก็จะมาเองแทบจะอัตโนมัติ คนอาจจะตกใจว่าวอเร็น บัฟเฟตต์ ตอนอายุ 60 ปีนั้น มีเงินแค่ไม่เกิน 5% ของความมั่งคั่งของเขาในวันนี้ที่เขามีอายุถึง 92 ปี

แผนหรือกลยุทธ์สู่ความมั่งคั่งดังกล่าวนั้น ถ้านำไปคำนวณตามโปรแกรมของนักบริหารการเงิน ก็แทบจะบอกได้เลยว่าสุดท้ายแล้วเราจะมีความมั่งคั่งเป็นเท่าไร โดยที่ความผิดพลาดก็อาจจะไม่สูงมาก โอกาสที่อย่างไรเราก็เอาตัวรอดได้นั้นน่าจะค่อนข้างสูง ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าเราโชคดี เกิด “Serendipity” ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตอย่างที่ VI จำนวนมากได้ประสบในช่วงกว่า 10-20 ปีที่ผ่านมา เราก็อาจจะรวยไปเลย

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED