ในรอบ 10 ปี! หุ้นแบงก์เข้าตลาด “ไทยเครดิต” เตรียมเสนอขายหุ้น สัดส่วนไม่เกิน 28.2%

ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) เปิดศักราชปี 2567 ประกาศเดินหน้าเสนอขายหุ้นไอพีโอ “CREDIT” ในปีนี้ กับโอกาสครั้งสำคัญที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความมั่นคงของธนาคารชั้นนำที่มีคุณภาพ และเป็นหนึ่งในธนาคารเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย สามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้อย่างแข็งแกร่ง โดยงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีพอร์ตแตะระดับ 138,435.1 ล้านบาท เตรียมกางแผนข้อมูลและโชว์ศักยภาพในงาน IPO Public Roadshowวันจันทร์ที่ 22 มกราคมนี้ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (“ธนาคารฯ”) กล่าวว่า ปี 2567  ธนาคารฯ พร้อมเดินหน้าขยายการเติบโต ตามแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ด้วยจำนวนหุ้นที่คาดว่าจะเสนอขายทั้งหมด (รวมหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคารฯ และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม) ไม่เกิน 347,029,122 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้ว ทั้งหมดของธนาคารฯ ภายหลังการทำ IPO

ตอกย้ำการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เสนอขายหุ้น IPO ในรอบ 10 ปี และมีจุดเด่นด้วยบริการไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลากหลายขนาดและประเภทธุรกิจ รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่รัดกุม สะท้อนให้เห็นได้จากเงินให้สินเชื่อมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวด 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยสะสมระหว่างปี 2563-2565 (CAGR) ของเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารอยู่ที่ 33.0% ต่อปี และ ณ งวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารจำนวน 138,435.1 ล้านบาท

โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตในทุกกลุ่มสินเชื่อหลักของธนาคารและมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสำหรับปี 2565 และสำหรับ 12 เดือนย้อนหลังนับจากวันที่ 30 กันยายน 2566 เท่ากับ 18.9% และ 21.8% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังได้รับรางวัลธนาคารเพื่อรายย่อยที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย (Fastest Growing Retail Bank in Thailand) เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน (ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2562) จาก Global Banking & Finance Review ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินและธุรกิจจากสหราชอาณาจักร

สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ รวมทั้งนำไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Security and Infrastructure) 

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED