,

เงินหยวนจะมาแทนดอลลาร์ ในฐานะสกุลหลักของโลก?

รายการ Farook Zakaria ของ CNN ระบุว่า ผลการประชุมสุดยอดเป็นเวลา 3 วัน ที่น่าสนใจที่สุดระหว่าง ปธน. วลาดิเมีย ปูติน กับ ปธน. สี จิ้นผิง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลกค่อนข้างน้อย

โดยปูติน กล่าวสรุปว่า “ผลการหารือคือเราเห็นพ้องตรงกันที่จะใช้เงินสกุลหยวนในการหักบัญชีการค้าระหว่างรัสเซียกับประเทศในเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา”

คำพูดนี้หมายความว่า จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก และรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังร่วมมือกันอย่างชัดเจนในความพยายามลดทอนบทบาทของดอลลาร์สหรัฐที่เป็นเงินสกุลหลักที่ครอบงำเวทีการค้าและระบบการเงินของโลกมานาน

ในยุคปัจจุบันอาจพูดได้ว่า ดอลลาร์สหรัฐ คือสัญลักษณ์มหาอำนาจอันสุดท้ายที่สหรัฐยังมีเหลืออยู่ เพราะมันคือเครื่องมือที่ไม่มีคู่แข่งที่รัฐบาลที่กรุงวอชิงตันใช้ในการรักษาส่งเสริมผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐ

สหรัฐสามารถใช้ดอลลาร์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้คว่ำบาตรประเทศใดประเทศหนึ่งได้โดยลำพังแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ต้องปรึกษาพันธมิตรของตน นอกจากนั้น สหรัฐยังสามารถใช้ดอลลาร์ในงบประมาณของตนอย่างแทบจะไม่มีขีดจำกัด โดยมั่นใจได้ว่าหนี้สินของสหรัฐที่ออกมาในรูปของพันธบัตรรัฐบาลจะมีประเทศในส่วนต่างๆ ของโลกอยู่เสมอ

สงครามยูเครนและนโยบายของสหรัฐในการเผชิญหน้ากับจีนที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือ “บรรยากาศสมบูรณ์แบบที่ผลักดัน” ให้รัสเซียและจีนเร่งความพยายามที่จะถอยออกมาเพื่อหันไปใช้สกุลเงินอื่นนอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ

ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ได้ค่อยๆ ลดการเก็บเงินทุนสำรองของประเทศในรูปของดอลลาร์สหรัฐ พร้อมๆ กับใช้สกุลเงินหยวนในการหักลบชำระบัญชีการค้าระหว่างกันมากขึ้น และชักชวนประเทศอื่นให้ทำตามวิธีนี้ด้วย

รัฐบาลของ ปธน. โจ ไบเดน เป็นผู้นำในการทำสงครามเศรษฐกิจกับรัสเซีย ซึ่งก็ทำได้ผลเป็นอย่างมาก โดยสร้างเครือข่ายพันธมิตรของประเทศที่มีเศรษฐกิจชั้นนำเกือบทั้งหมดของโลก ซึ่งทำให้ยากที่รัสเซียจะหลีกเลี่ยงไปใช้เงินสกุลอื่นที่มีเสถียรภาพเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ เช่น เงินยูโร เงินปอนด์อังกฤษ หรือดอลลาร์แคนาดา โดยประเทศพันธมิตรเหล่านั้นก็เป็นปฏิปักษ์กับรัสเซียเช่นกัน

ในสมัยที่ ปธน. โดนัล ทรัมป์ บทบาทของดอลลาร์เกือบจะหักเหครั้งใหญ่เมื่อสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำกับอิหร่านก่อนหน้านี้ ซึ่งการตัดสินใจของทรัมป์ถูกคัดค้านอย่างแข็งขันโดยสหภาพยุโรป โดยประธาน EU จองคลาด จังเกอร์ เสนอให้ผลักดันบทบาทของสกุลเงินยูโรในตลาดระหว่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อปกป้องยุโรปจากผลกระทบที่เกิดจาก “การกระทำที่เห็นแก่ตัวแต่เพียงฝ่ายเดียว” แต่เรื่องนี้ EU ก็ไม่ได้ทำอะไรได้มากนัก

สาเหตุที่บทบาทของดอลลาร์ที่ครอบงำตลาดโลกสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงมีอยู่หลายอย่าง เช่น ระบบการค้าสากลที่เชื่อมโยงกันทั่วโลกที่ควรจะต้องอาศัยสกุลเงินเดียวที่มีเสถียรภาพ เพื่อให้การค้าดำเนินไปได้อย่างสะดวกคล่องตัว และสกุลเงินนั้นควรจะสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระ ไม่อยู่ภายใต้อาณัติหรือการสั่งการของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง

นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ความพยายามของจีนที่อยากทำให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลไม่ค่อยประสบความสำเร็จ

แต่เป็นที่น่าแปลกว่า ถ้าสีจิ้นผิงต้องการสร้างปัญหาให้กับสหรัฐให้มากที่สุด วิธีหนึ่งที่ทำได้ คือ การเปิดเสรีระบบการเงินภายในจีน เพื่อช่วยให้เงินหยวนเป็นคู่แข่งสำคัญของดอลลาร์สหรัฐ แต่การที่จะทำอย่างนั้นได้ จีนจะต้องเปิดตลาดการเงินและเศรษฐกิจอย่างเสรี ซึ่งจะตรงข้ามกับเป้าหมายที่เขากำลังทำอยู่

อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐได้ใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธในการดำเนินนโยบายต่างประเทศในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้หลายประเทศพยายามมองหาทางใช้เงินสกุลอื่นมาแทนที่ดอลลาร์

อิทธิพลของดอลลาร์ได้ลดลงต่อเนื่อง โดยดูได้จากตัวเลขสัดส่วนการเก็บดอลลาร์เข้าเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ซึ่งเมื่อ 20 ปีก่อน มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 70% ของทั้งหมด แต่ตัวเลขนี้ได้ลดลงเหลือน้อยกว่า 60% ในปัจจุบัน และยังลดลงต่อไปเรื่อยๆ

ประเทศยุโรปและจีนได้พยายามร่วมกันจัดตั้งระบบการชำระเงินระหว่างประเทศขึ้นมาใหม่ เพื่อมาแข่งกับระบบ Swift ที่ใช้เงินดอลลาร์เป็นสกุลหลัก

ส่วนซาอุดิอาระเบีย ครั้งหนึ่งได้คิดที่จะขายน้ำมันโดยใช้เงินที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ และอินเดียก็ได้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียหลายรอบ โดยส่วนใหญ่ใช้สกุลเงินที่ไม่ใช่ดอลลาร์

เงินดิจิทัลก็เป็นเงินอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจเข้ามาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐในอนาคต โดยธนาคารกลางของจีนเป็นประเทศแรกๆ ที่ได้บุกเบิกในเรื่องนี้

บทบาทของดอลลาร์มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดตัวเลขหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าตัว จาก 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อ 20 ปีก่อน มาเป็น 31.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แก้ปัญหาวิกฤตทางการเงินอยู่หลายครั้ง โดยส่วนใหญ่ใช้วิธีออกพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งทำให้ยอดงบดุลสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเกือบ 12 เท่า จาก 730,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อ 20 ปีก่อน มาเป็น 8.7 ล้านล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะฐานะพิเศษของสกุลเงินดอลลาร์ในโลกนี้ แต่เมื่อไรที่อิทธิพลของดอลลาร์เริ่มแผ่วลง สหรัฐจะเผชิญกับความหายนะอย่างที่ประเทศนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED