,

E-Day: เคลื่อนทัพสู่ทำเนียบ – ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

กำหนดการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อที่จะเลือกตั้ง ส.ส. และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายในเวลาไม่เกิน 2 เดือนนับจากวันนี้นับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะกำหนด “อนาคต” ของประเทศไทยว่าเราจะไปทางไหน จะ “ก้าวหน้าหรือถอยลงคลอง” ในระยะยาว ถ้าจะให้เทียบกับสงครามโลกครั้งที่สองก็คือ การรบหรือการต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่บอกว่าโลกหรือประเทศไทยจะสามารถยืนอยู่อย่างมั่นคง มีการปกครองที่ราบรื่นและทุกฝ่ายเคารพยอมรับใน “ระเบียบ” ที่ยุติธรรมมีเสรีภาพและความเท่าเทียมกันในฐานะของความเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะเกิดมาในฐานะอย่างไรและเชื้อชาติไหน

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่าย “เผด็จการอำนาจนิยม” นำโดยเยอรมันชนะฝ่าย “เสรีนิยมประชาธิปไตย” ใน “ยกแรก” สามาถยึดยุโรปได้เกือบทั้งหมด แต่หลังจากนั้นก็เริ่มสะดุดและถดถอยโดยเฉพาะการรบกับสหภาพโซเวียตรัสเซีย จนถึงวันที่ฝ่ายสัมพันธมิตรนำโดยสหรัฐอเมริกาได้กำหนดวัน “D-Day” ที่จะ “ยกพลขึ้นบก” ที่ชายหาดนอร์มังดีของฝรั่งเศส และหลังจากนั้นก็บุกตะลุยจนเข้ายึดกรุงเบอร์ลินสำเร็จ เยอรมันพ่ายแพ้อย่างยับเยิน และโลกก็กลับสู่ความเจริญก้าวหน้าและ “สงบสุข” และมีระเบียบโลกที่เป็นที่ “ยอมรับ” อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

การเลือกตั้งในปี 2566 นี้ ซึ่งผมเรียกว่า “E-Day” หรือ “Election Day” จะเป็นวันสำคัญที่จะ “ชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทย” หลังจากที่เราเคยเป็นประชาธิปไตยบ้างและอำนาจนิยมบ้างสลับกันไปมาจนกระทั่งถึงเมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้วที่เรา “จอด” อยู่ที่การเป็นอำนาจนิยมมายาวนานและก็ยังไม่รู้ว่าจะออกจากวังวนนั้นได้ไหมจนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพราะระบบโครงสร้างของประเทศถูก “ล็อก” เอาไว้ตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557 ที่มีการใช้รัฐธรรมนูญที่แก้ไขยากมากจนแทบเป็นไปไม่ได้

การรบหรือการต่อสู้เพื่อ “ปลดปล่อย” หรือทำให้ประเทศไทยเป็น “ประชาธิปไตยที่แท้จริง” นั้น เริ่มอย่างจริงจังและนำโดย “คนรุ่นใหม่” เมื่อประมาณ 4-5 ปีมาแล้วเมื่อมีการเลือกตั้งในปี 2562 ที่มีการตั้งพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่เพื่อแข่งขันในการเลือกตั้ง ซึ่งผลก็คือ สามารถได้ ส.ส. จำนวนมากอย่าง “น่าตกใจ” โดยเฉพาะในสายตาของฝ่ายที่ “คุมอำนาจ” ของประเทศมาช้านาน ดังนั้น พวกเขาคิดว่าจะต้องรีบ “ตัดไฟแต่ต้นลม” โดยการ “ยุบพรรค” แต่แล้ว การรบหรือการต่อสู้กลับไม่สงบลง “ไฟ” ของการต่อสู้กลับลุกโชนขึ้นจน “ดับไม่ได้”

การที่จะอธิบายการรบหรือการต่อสู้ทางการเมือง “ยุคใหม่” ของไทยนั้น ผมจะอุปมาอุปไมยว่า การต่อสู้นั้นเหมือนในสงครามจริงที่จะต้องมีกองกำลังหรือกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ โดยกองทัพบกก็คือจำนวนคนทั้งที่เป็นคนธรรมดาสามารถทำได้แค่ออกเสียงในการเลือกตั้งและคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจและแต่งตั้งให้คนอื่นในฝ่ายตนเองมีอำนาจการปกครอง

เช่น ส.ว. ส.ส. ข้าราชการโดยเฉพาะตำรวจและทหารที่มีอำนาจและถืออาวุธ เป็นต้น

กองทัพเรือก็คือ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทางการเมือง ซึ่งแน่นอน รวมถึงรัฐธรรมนูญ กฎเกณฑ์หรือกติกาการเลือกตั้ง ระบบยุติธรรมทั้งหมด รวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่

กองทัพอากาศ ซึ่งก็คือเรื่องของเหตุการณ์ ความจริงหรือความเชื่อและความคิดที่ถูกส่งออกไปเพื่อที่จะเปลี่ยนจิตใจของคนทั้งหลายให้มาเป็นพวกของฝ่ายตน

ทั้ง 3 กองทัพนั้น ในอดีต ฝ่ายที่เรียกว่า “อนุรักษ์นิยม” ซึ่งบ่อยครั้งก็เป็น “อำนาจนิยม” ด้วยนั้นเป็นฝ่ายที่ “ครอบครอง” เกือบทั้งหมด ฝ่ายตรงกันข้ามที่เรียกว่า “เสรีนิยม” นั้น มีพลังน้อยมาก ในส่วนของกองทัพบกอาจจะมีคนที่เชื่อในเสรีนิยมแค่หยิบมือเดียว กองทัพเรือนั้น รัฐธรรมนูญ กฎหมาย กฎเกณฑ์ถูกเขียนและบังคับใช้โดยฝ่ายอนุรักษ์นิยมแทบจะสิ้นเชิง ในส่วนของกองทัพอากาศนั้น สื่อแทบทุกชนิด ยกเว้นหนังสือพิมพ์ก็อยู่ในมือของ “รัฐ” ที่ปกครองแบบอนุรักษ์นิยมทั้งหมด ดังนั้น ฝ่ายเสรีนิยม-ประชาธิปไตย จึงแทบจะ “ไม่มีที่ยืน” ในสังคม

แต่การเกิดขึ้นของโลกดิจิทัลและสื่อสังคมรุ่นใหม่ในช่วงไม่นานคือประมาณไม่เกิน 10 ปี มานี้ ทำให้ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดมีต้นทุนในการส่งและการรับน้อยมากหรือฟรีซึ่งทำให้กองทัพอากาศถูกใช้ในการต่อสู้ทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญในเครื่องมือนี้มาก และพวกเขาจำนวนน้อยนิดก็เหมือนกับ “นักบิน” ที่ขับ “เครื่องบินเจ็ตรุ่นใหม่ที่สุด” จำนวนเป็นแสน ๆ ลำ บรรทุกระเบิดเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามทุกวัน

จนถึงวันนี้ สามารถ “ครอบครองท้องฟ้า” ของประเทศไทยได้ ความหมายก็คือ สามารถ “เปลี่ยนความคิด” ให้คนจำนวนมากโดยเฉพาะประชาชนทั่วไป เข้ามาเป็นพวก คนที่เคยเป็นอนุรักษ์นิยมก็เปลี่ยนมาเป็นเสรีนิยมมากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงคนรุ่นใหม่ที่สมาทานความคิดนี้ตั้งแต่เริ่มมีจิตสำนึกทางสังคมและการเมือง

ดังนั้น กองทัพบกที่เคยถูกครอบครองโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยมจึงมีพลังน้อยลงในขณะที่ฝ่ายเสรีนิยมมีพลังมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของประชาชนที่ถูกเปลี่ยนโดยการถล่มของกองทัพอากาศของฝ่ายเสรีนิยม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคนกลุ่มอื่นโดยเฉพาะส.ว. และหน่วยงานที่คุมกฎของการปกครองประเทศก็ยังอยู่ในมือฝ่ายอนุรักษ์นิยมอยู่รวมถึงฝ่ายที่ถืออาวุธแทบทั้งหมดที่ยังไม่ถูกทำให้เปลี่ยนข้างได้ ดังนั้น ถึงวันนี้ผมยังคิดว่ากองทัพบกของทั้งสองฝ่ายยัง “สูสี” แม้ว่าอาจจะมี “แลนด์สไลด์” ของฝ่ายเสรีนิยมในการเลือกตั้ง

ดูเหมือนว่ากองทัพเรือของฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังแข็งแกร่งมากแม้ว่าจะถูกถล่มด้วยกองทัพอากาศของฝ่ายเสรีนิยมอย่างหนักจนต้องถอยในบางเรื่องเช่น การยอม “ให้ ประกันตัว” นักรบฝ่ายเสรีนิยมในกรณีความผิดบางอย่าง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การใช้กองทัพเรือในการต่อสู้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถใช้เรือยึดทำเนียบได้ เรือนั้น ส่วนใหญ่ก็มักทำได้เฉพาะในการตัดกำลังของข้าศึก เช่น การตัดสิทธิหรือยุบพรรคอะไรแบบนี้

แต่ก็ต้องระวังว่าเมื่อนำเรือออกมาสู้ ก็มักจะเป็นเป้าให้เครื่องบินของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาถล่ม ซึ่งก็เป็นต้นทุนที่สูงมาก ตัวอย่างก็น่าจะเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองฝ่ายเสรีนิยมรุ่นใหม่ถูกยุบพรรค ซึ่งก่อให้เกิดการประท้วงและการประกาศสงครามทางอากาศ และในที่สุดท้องฟ้าก็ถูกครอบครองมาจนถึงวันนี้

ทั้งหมดนั้นก็ทำให้ผมคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยม-อำนาจนิยม กับฝ่ายเสรีนิยม-ประชาธิปไตย ที่แหลมคมที่สุดที่ประเทศไทยเคยประสบมา การชนะหรือแพ้ในรอบนี้น่าจะเป็นเครื่องชี้ว่าประเทศไทยจะไปทางไหนต่อจากนี้และอาจจะไม่หวนกลับมาเป็นแบบเดิมที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อีกเลย

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED