BVG เปิดงบ Q1/67 กวาดรายได้ 129.3 ลบ. ครึ่งปีหลังฉายแววสดใสธุรกิจใหม่จ่อบุ๊กรายได้

BVG เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาส 1/67 ทำรายได้รวม 129.3 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13.15 ล้านบาท บริการแพลตฟอร์มเคลมประกันรถยนต์ (EMCS) เติบโตต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์คัดกรองลูกค้าธุรกิจบริการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน (TPA) มุ่งเน้นบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตผู้บริหารชี้ภาพรวมธุรกิจหลังจากนี้มีแนวโน้มเติบโตดี มั่นใจทั้งปี 67 โตราว 10% จากการเริ่มให้บริการรับวางแผน และให้คำปรึกษาการดูแลสุขภาพ (BVHCM) และการเริ่มให้ลูกค้าใช้บริการระบบ AI Estimate เต็มรูปแบบ

นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG หนึ่งในผู้นำในการดำเนินธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) ในประเทศไทย  เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/67 ว่าบริษัทมีรายได้จากการให้บริการรวม 129.3 ล้านบาท เติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ทำไว้ 125.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13.15 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ทำไว้ 17.38 ล้านบาท

โดยในไตรมาส 1/67 ธุรกิจแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับการเคลมประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) มีรายได้ 59.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1 ล้านบาท นับเป็นการเติบโต 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนการเคลมประกันภัยรถยนต์ และจำนวนการใช้งานบริการระบบ AI ที่เพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจบริการที่ปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย (บริการ BVA)  มีรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ธุรกิจบริการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทนผ่านระบบแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน (บริการ TPA) ปรับตัวลดลง เนื่องจากปริมาณการเคลมสุขภาพเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลง อีกทั้งบริษัทได้มีการตัดสินใจยุติการให้บริการลูกค้าบางราย เพื่อจุดประสงค์หลักในการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต และรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพการเติบโตระยะยาว อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการปรับแผนการบริหารจัดการต้นทุนให้มีความเหมาะสม เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในช่วงเซตอัพบริษัท บลูเวนเจอร์ เอชซีเอ็ม จำกัด (BVHCM) ธุรกิจให้บริการรับวางแผนดูแลสุขภาพ ส่งต่อผู้ป่วย รวมถึงให้คำปรึกษาแนะนำด้านการดูแลสุขภาพ ที่เริ่มจัดตั้งไปในเดือนมกราคม ปี 2567 ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าที่สนใจและกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาหลายราย และคาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทในช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 67 นอกจากนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจใหม่อีกด้วย 

“เรามองว่า BVG จะสามารถสร้างการเติบโตปี 67 ได้ราว 10% จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการแพลตฟอร์มเคลมประกันรถยนต์ โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มมีรายได้จากธุรกิจ AI Estimate ที่นำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาช่วยประเมินความเสียหายเบื้องต้นเพื่อประมาณการค่าสินไหมทดแทน มาให้บริการกับลูกค้าแบบเต็มรูปแบบ และรายได้จากธุรกิจให้บริการรับวางแผนและให้คำปรึกษาด้านการดูแลสุขภาพ (BVHCM) เข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นางนวรัตน์กล่าว

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED