Johnson & Johnson เสนอจ่ายชดเชย 8,900 ล้านดอลลาร์ ยุติคดีแป้งทัลคัม

บริษัท Johnson & Johnson (JJ) ใช้ความพยายามครั้งใหม่ผ่านช่องทางของศาลล้มละลาย เพื่อขอประนีประนอมยอมความ ในกรณีที่ถูกลูกค้านับหมื่นๆ ราย ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์ โดยลูกค้ากล่าวหาว่าแป้งฝุ่นทัลคัมของบริษัทได้ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ล่าสุด JJ เสนอที่จะยอมจ่ายให้กับโจทก์รวมทั้งสิ้น 8,900 ล้านดอลลาร์ภายใน 25 ปี

เอกสารที่ยื่นต่อศาลล้มละลายสหรัฐ ระบุว่า บริษัทลูกของ JJ ชื่อ LTL ได้ใช้ความพยายามเป็นครั้งที่ 2 ในการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอล้มละลาย โดยเรียกวิธีนี้ว่าเป็นหนทางที่ “จะสามารถประนีประนอมอย่างเสมอภาคและมีประสิทธิภาพในการตกลงยุติข้อเรียกร้องที่เกิดจากคดีฟ้องร้องเรื่องสินค้าเครื่องสำอางทัลคัม” ในทวีปอเมริกาเหนือ

ก่อนหน้านี้ ความพยายามของบริษัท LTL ในการยื่นคำร้องขอล้มละลายผ่านกฏหมาย Chapter 11 เพื่อยุติคดีแป้งทัลคัมได้ถูกศาลอุทธรณ์ปฏิเสธไม่รับพิจารณา โดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าบริษัทไม่สามารถยื่นขอล้มละลายได้ เนื่องจาก LTL ไม่ได้ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินแต่อย่างไร

ในความพยายามครั้งใหม่นี้ LTL เสนอที่จะจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกค้าผู้เสียหายเพิ่มขึ้นอีก 6,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยเสนอว่าจะจ่ายเพียง 2,000 ล้านดอลลาร์

โดย LTL กล่าวว่า บริษัทได้รับการยืนยันจากกลุ่มผู้เรียกร้องค่าชดเชยกว่า 60,000 ราย ที่ตกลงว่าจะรับข้อเสนอที่ดีกว่าในครั้งใหม่นี้

แต่ LTL ระบุว่า กรณีการตกลงยอมความที่น่าจะเกิดขึ้นได้ในครั้งนี้ไม่ได้ถือว่าบริษัทยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด เนื่องจาก Johnson & Johnson ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าแป้งฝุ่นทัลคัมของบริษัทเป็นสินค้าที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้

ถึงแม้ Johnson & Johnson จะอ้างว่าบริษัทได้ชนะคดีส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องเรื่องแป้งฝุ่นทัลคัมมาแล้ว แต่คณะลูกขุนที่ตัดสินคดีเหล่านี้ได้ตัดสินให้บริษัทจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับลูกค้าบางราย โดยตัดสินสนับสนุนข้อกล่าวหาของพวกเขาว่าแป้งทัลคัมของบริษัทได้ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

อีเร็ค ฮาส รองกรรมการฝ่ายนิติกรรมของ Johnson & Johnson กล่าวว่า “บริษัทยังเชื่อว่าข้อกล่าวหาที่ฝ่ายโจทก์ยื่นฟ้องมีลักษณะที่คลุมเครือไม่ชัดเจนและปราศจากหลักฐานที่เพียงพอ แต่เนื่องจากศาลล้มละลายมีความเห็นว่าการที่จะตัดสินคดีฟ้องร้องเรื่องแป้งทัลคัมต้องใช้เวลานานนับสิบปี ซึ่งจะทำให้ LTL ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในคดีเหล่านี้ต่อไปอีกมาก”

คุณฮาส ระบุในแถลงการณ์ว่า การยุติคดีเหล่านี้ผ่านช่องทางของศาลล้มละลายจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งบริษัท LTL และผู้ฟ้องร้อง เนื่องจากฝ่ายหลังจะได้รับค่าชดเชยเร็วขึ้น พร้อมกับช่วยให้ JJ ลดการใช้เวลาต่อสู้กับคดีเหล่านี้ในทวีปอเมริกาเหนือลงได้เป็นอย่างมาก

แต่ทนายของลูกค้าที่ยื่นฟ้องตำหนิวิธีการยื่นขอล้มละลายของ LTL โดยกล่าวว่า “นี่เป็นข้อเสนอหาทางออกที่น่าอับอาย เนื่องจากค่าชดเชยล่าสุดยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายบิลค่ารักษาพยาบาลของผู้เสียหายส่วนใหญ่ เนื่องจากเฉพาะค่ารักษาอย่างเดียวก็ตกเป็นเงินตั้งแต่ 140,000 ดอลลาร์ ถึง 1.4 ล้านดอลลาร์ต่อคน สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก”


ที่มา: https://edition.cnn.com/2023/04/04/investing/johnson-and-johnson-talc-bankruptcy/index.html?fbclid=IwAR2FkVbm4dDODgYEFY4UsdKp2Le6PaUgwt1x6jUnZc4W3i4RpF5HO8lD0Zo

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED