JMART ปันผลครึ่งหลัง 0.66 บาท ปี 65 กำไรสุทธิ 1,795 ล้าน ตั้งเป้าปี 66 กำไรนิวไฮต่อเนื่อง

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,795 ล้านบาท ลดลง 27% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,467.6 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการกำไรพิเศษที่เกิดขึ้น จำนวน 1,296 ล้านบาท ในปี 2564 บริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโต 53%

โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 13,920 ล้านบาท เติบโต 18% จากปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,792.8 ล้านบาท โดยบริษัทในกลุ่มทุกบริษัทสามารถทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง เป็นไปตามวิสัยทัศน์ Technology Investment Holding Company (T-IHC) ซึ่งถือเป็นการเติบโตจากทั้ง Organic growth และ Inorganic growth ด้วย Ecosystem ที่แข็งแกร่งขึ้น สนับสนุนการต่อยอดโอกาสในธุรกิจการเงิน ค้าปลีก และเทคโนโลยี

จากความสำเร็จของผลการดำเนินงานปี 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีหลังของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.66 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 11 เม.ย.2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 12 เม.ย.2566 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค.2566 ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 ไปเรียบร้อยแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท ส่งผลให้ทั้งปี 2565 บริษัทจะจ่ายปันผลรวมอัตราหุ้นละ 1.11 บาท คิดเป็นเงินปันผลอัตราจ่ายเงินปันผลสูงถึง 90%

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทตั้งเป้ากำไรนิวไฮต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปี 2565 ผลจากธุรกิจในทุกกลุ่มมีทิศทางเติบโตอย่างชัดเจน ประกอบกับบริษัทมีการขยายการลงทุนใหม่ๆ ทั้ง สุกี้ ตี๋น้อย ที่เข้าไปถือหุ้น 30% ทำให้บริษัทรับรู้รายได้อย่างเต็มปีในสัดส่วนที่เข้าไปถือหุ้น การลงทุนบริษัท น้ำตาล บุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR ที่จะสร้าง Ecosystem ทางด้านการขายสินค้า และการปล่อยสินเชื่อรูปแบบต่างๆ และการลงทุนในบริษัทบริหารทรัพยากรมนุษย์อันดับต้นของประเทศ บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเร็วๆ นี้ จะทำให้ความแน่นของ Ecosystem เพิ่มขึ้นอีกมาก

“ผลงานปี 2565 ที่ประกาศออกมาในครั้งนี้ ตอกย้ำการเชื่อมโยง Ecosystem ของธุรกิจในเครือ และทั้งปี 2566 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตนิวไฮต่อเนื่อง ขณะที่ JMT ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าซื้อหนี้เข้าพอร์ตด้วยงบลงทุน 10,000 ล้านบาท รวมถึงการร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในการบริหารหนี้เสีย ที่จัดตั้งบริษัทร่วมทุนนั้น คาดปี 2566 พอร์ตสินเชื่อน่าจะแตะไปถึง 100,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์เสริม และแกดเจ็ต ผ่านร้านค้ามากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศคาดว่ายอดขายในปีนี้จะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ด้วยการทำซินเนอร์ยี่ร่วมกับบริษัทในกลุ่ม จึงเชื่อว่าในปี 2566 จะเป็นอีกปีที่กลุ่มเจมาร์ทเติบโตด้วยเป้าหมายสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว” นายอดิศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ โดยปัจจุบันบริษัทในกลุ่มจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 4 บริษัท คือ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT, บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER, บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J นอกจากนี้ ยังมีบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SINGER และเป็นบริษัทที่ 5 ของกลุ่มบริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ผนึก Synergy สร้างการเติบโตร่วมกัน

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED