KCG ดีเดย์เข้าเทรด SET 3 ส.ค. ราคา IPO 8.50 บาท/หุ้น

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG เคาะราคา IPO ที่ 8.50 บาท/หุ้น พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 3 ส.ค.2566 เตรียมนำเงินระดมทุน 1,317.50 ล้านบาท ใช้สำหรับก่อสร้างและพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า ซื้อเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิต ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

KCG ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารและขนมตะวันตก (Western foods) โดยมี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ (Food and Bakery Ingredients) และผลิตภัณฑ์อื่นๆ และกลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits)

ข้อมูลหุ้น

KCG จะเข้าสู่ตลาด SET ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เสนอราคาขาย IPO ที่ 8.50 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 155,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 28.4% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี

วัตถุประสงค์การใช้เงิน

1.ลงทุนในการก่อสร้างและพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า KCG Logistics Park

2.ลงทุนซื้อเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงพื้นที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการผลิต

3.ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 2 แห่ง ซึ่งรวมถึงสถาบันการเงิน 1แห่ง ซึ่งเป็น และ/หรือ มีความสัมพันธ์กับที่ปรึกษาทางการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และการชำระคืนเงินกู้ยืมที่บริษัทได้กู้ยืมมาใช้ลงทุนในข้อ 1 จำนวน 53 ล้านบาท และข้อ 2 จำนวน 262 ล้านบาท

4.เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเงินลงทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท

งบการเงินบริษัท

ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 4,950 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 244.2 ล้านบาท

ปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 5,265 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 303.4 ล้านบาท

ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 6,232.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 241.1 ล้านบาท

งวด 3 เดือนแรก ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 1,723.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 58.4 ล้านบาท

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED