“NER”  ผลงานสดใส อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาท หลังงบ 6 เดือน กำไรโต 932.36 ล้านบาท

บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER เผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2567 ในอัตรา 0.05 บาท/หุ้น  หลังงบการเงิน 6 เดือนปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 932.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.84 %  จากราคายางมีทิศทางที่ดี และบริหารจัดการต้นทุนขายได้ดี ด้านครึ่งปีหลัง มุ่งเน้นการขยายตลาดมากขึ้น เนื่องจากได้ปัจจัยบวกราคายางพาราที่ยืนอยู่ในระดับสูง

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เป็นเงินสดในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 92.38 ล้านบาท  โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 26 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 กันยายน 2567

ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 (สำหรับงวด 6 เดือน) สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 205,071 ตัน ลดลง 51,981 ตัน หรือลดลง 20.22%  คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 12,351.07 ล้านบาท ลดลง 460.90 ล้านบาทหรือลดลง 3.60% โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 932.36  ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ7.55% ของรายได้จากการขายรวม โดยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 160.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.84% โดยรายได้จากการขายงวด 6 เดือนแรกของปี 2567  ที่มีการปรับตัวลดลงจากผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (STR20, STR-Mixture) ที่บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเป็นสำคัญ ทำให้สัดส่วนยอดขายต่างประเทศลดลงเหลือ 22% จาก 38% ในปี 2566                

สำหรับผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/2567 สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 90,451 ตัน ลดลง 39,028 ตัน หรือลดลง 30.14%  คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 5,809.22 ล้านบาท ลดลง 748.36 ล้านบาทหรือลดลง 11.41% โดยการลดลงของรายได้จากการขายเป็นการลดลงด้านปริมาณอยู่ที่ 1,976.58 ล้านบาท  และเป็นการเพิ่มขึ้นด้านราคาอยู่ที่ 1,228.23 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 2/2567 (งวด 3 เดือน) เท่ากับ 478.75 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.24% ของรายได้จากการขายรวม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.71%

นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมถึง ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากรับได้ปัจจัยบวกจากราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง  ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าครอบคลุมถึงไตรมาส 4/2567 แล้วขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทจะเริ่มส่งออกยางมาตรฐานสหภาพยุโรป (อียู) ที่เริ่มบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งบริษัทจะมีการส่งออกยาง EUDR ล็อตแรกให้บริษัทยางสัญชาติจีนในเดือนสิงหาคม 2567 และส่งออกมากขึ้นในไตรมาส 4/2567

สำหรับแนวโน้มการส่งออกยางพารายังดีอย่างต่อเนื่อง โดยจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์พบว่า การส่งออกยางพาราขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกัน สำหรับโดย 6 เดือนแรกของปี ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน ขยายตัว 30.6% โดยการเติบโตจะมาจากตลาดจีนที่มีความต้องการยางพาราที่มากขึ้นอย่างที่ได้กล่าวไป โดยเฉพาะการซื้อยางพาราเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาระดับสต๊อก อีกทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ในต่างประเทศก็มีทิศทางที่ดีก็เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทได้ด้วย

LATEST NEWS

SCB WEALTH ดึง Baker&Mckenzie ดูแลด้านกฎหมายสินทรัพย์มรดกให้กลุ่มลูกค้าเวลล์

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ (ที่2 ซ้าย) รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อมด้วยนายคมกฤช เกียรติดุริยกุล (ที่2 ขวา) กรรมการและที่ปรึกษากฎหมาย ด้านการเงินการธนาคาร การวางแผนธุรกิจครอบครัวและตลาดทุน บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด ให้ความร่วมมือกับ SCB WEALTH

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

RELATED