NER คว้าอันดับที่ 65 บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการดำเนินงาน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ได้รับการจัดอันดับโดยวารสารการเงินการธนาคาร ให้เป็นบริษัทยอดเยี่ยมติดต่อกันเป็นปีที่ 5 เริ่มจากปี 2562 โดย NER ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 อันดับที่ 65 จาก 300 ขยับขึ้นจากอันดับที่ 71 ในปีก่อนหน้า  จากการประกาศผลการจัดอันดับ 300 บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 หรือ Best Public Companies of the Year 2023 นอกจากนี้บริษัทได้ Top 50 จากเกณฑ์การพิจารณา 3 ปัจจัย ดังนี้ 

  • Return on asset (ROA) คือ อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ 29.05% ลำดับที่ 27
  • Divident Yield (อัตราเงินปันผลตอบแทน) 6.38% ลำดับที่ 33 
  • Free Float ปริมาณการถือครองหุ้นของ “ผู้ลงทุนรายย่อย”  59.19% ลำดับที่ 45

ทั้งนี้ การจัดอันดับ 300 บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 หรือ Best Public Companies of The Year 2023เป็นการวิเคราะห์พื้นฐานทางธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ (Market Capitalization) สูงสุด 300 อันดับแรก และมีผลประกอบการที่แสดงกำไร โดยใช้ข้อมูล ณ สิ้นปี 2565 โดยฝ่ายวิชาการ วารสารการเงินธนาคาร ได้ใช้เกณฑ์การพิจารณาที่เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของบริษัทในภาพรวม โดยวัดจากปัจจัย 4 ด้าน ดังนี้ได้แก่ ขนาดของบริษัท ความสามารถในการแสวงหากำไร ผลตอบแทนต่อการลงทุน และสภาพคล่องในการลงทุน

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ (ที่2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า การได้รับรางวัลในครั้งนี้ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี และในปี 2566 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้กลยุทธ์การลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economic of Scale) บริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียโดยยึดมั่นในหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี การสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตและมอบสินค้าไปยังผู้บริโภคด้วยรอยยิ้มและความสุข 

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED