THRE โชว์งบ Q1/67 กำไรทะยาน 418% ลุยตลาด Non-Conventional ผสานความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีบริษัทลูก

THRE โชว์งบ Q1/67 กำไรโตแรง 418% แตะ 57 ล้านบาท รับอานิสงส์ประกันภัยต่อปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากค่าเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น มองภาพธุรกิจมีแนวขยายตัวต่อทั้งในและต่างประเทศชูกลยุทธ์ผลักดัน Non-Conventional Reinsurance หนุนโดยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบริษัทลูก BVG ผู้บริหารมั่นใจปี 67 เบี้ยประกันภัยต่อรับโตไม่ต่ำกว่า 10% คาดการณ์ Combined Ratio 94-96% และได้ปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์หวังสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน 3.5%

นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) (THRE) ผู้ให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurer) ครอบคลุมทั้งการรับประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุ วิศวกรรม ภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้า ภายในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/67 ว่ามีเบี้ยประกันภัยต่อรับรวม 1,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเบี้ยประกันภัยต่อรับรวม 1,151 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 11% และมีกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 418% 

โดยการเติบโตของ THRE ในไตรมาส 1/67 มีปัจจัยสนับสนุนมาจากขยายตัวทั้งในส่วนงาน Personal line และ Commercial line เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ของบริษัทเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เบี้ยประกันภัยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผลงานเบี้ยประกันภัยต่อของ THRE เติบโตสอดคล้องตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถทำรายได้เงินลงทุนสุทธิ 18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนมาจากกลยุทธ์การปรับพอร์ตการลงทุน

ทั้งนี้ ในส่วนของกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปีนี้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 เหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และบริษัทสามารถรักษา Combined Ratio ไว้ได้อยู่ในระดับ 96.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 ที่มี Combined Ratio อยู่ที่ระดับ 98.2%

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 67 บริษัทยังคงมุ่งเน้นสร้างการการเติบโตส่วนของ Non-Conventional Reinsurance หรือการเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยร่วมกับบริษัทประกันภัยอื่น ผ่านความเชี่ยวชาญด้านอินชัวร์เทคจากบริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำด้านบริการเคลมของธุรกิจประกันภัยรถยนต์และสุขภาพ ซึ่งเป็นบริษัทลูก และการขยายธุรกิจเชิงรุกในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม นอกจากนี้ยังมองหาจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าไปเจาะตลาดประกันภัยต่อประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีขนาดตลาดใหญ่ และมีศักยภาพการเติบโตสูง

“เราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าเบี้ยประกันภัยต่อรับสำหรับปี 67 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในขณะเดียวกัน เราก็ยังคงดำเนินการรักษา Combined Ratio ไว้ที่ระดับ 94-96%” นายโอฬารกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังคอยจับตามองหาโอกาสในการลงทุนอย่างใกล้ชิด และได้มีการปรับกลยุทธ์การลงทุน จากเดิมที่ใช้นโยบายที่ระมัดระวังมาตลอดในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนปี 67 ได้ที่ระดับ 3.5% ซึ่งสูงกว่าปี 66 ที่ทำไว้ที่ 2.1% (กรณีไม่รวมรายได้จากการขายหุ้น BVG IPO)

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED