THRE โชว์งบไตรมาส 2/66 กำไรพุ่ง 425% เข้าสู่ปีแห่งการเทิร์นอะราวด์

THRE โชว์ประกอบการไตรมาส 2/66 รายได้เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิ 1,211 ล้านบาทกำไรสุทธิ 65 ล้านบาทโตแรง 425% หลังผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายมั่นใจรายได้รวมปี 66 โต 15-17% ตามเป้าจากพฤติกรรมผู้บริโภคด้านการทำประกันที่เปลี่ยนไปหลังโควิดลมส่งจากช่วง Hard Market ในตลาดประกันภัยต่อทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นการเติบโตของธุรกิจเคลมประกันภัยรถยนต์และสุขภาพที่จะโตไปตามเทรนด์ AI พร้อมรุกขยายธุรกิจไปในตลาดอาเซียน

นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ผู้ให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurer) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 ว่ามีรายได้เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิ 1,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146 ล้านบาท หรือเติบโต 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิ 1,065 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 425% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/66 รายได้ประกันภัยต่อรับเติบโตจากการขยายตัวของธุรกิจทั้งในส่วนของ personal line และ commercial line ที่เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์เพื่อให้เหมาะสมหลังสถานการณ์ COVID-19 ประกอบกับได้รับแรงสนับสนุนจากสภาพตลาดประกันภัยต่อโดยรวม ที่อัตราเบี้ยประกันภัยต่อรับกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือ Hard Market ทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดไปได้ทั้งในประเทศ และประเทศกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยบริษัทสามารถรักษา combine ratio ไว้ได้ที่ 96.6% ซึ่งทำให้ผลการรับประกันภัยต่อปรับตัวดีขึ้นถึง 179% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริษัทคาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/66 ฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึงครึ่งปีหลัง เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ลูกค้าตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับได้แรงสนับสนุนหลักจากสภาพตลาดประกันภัยต่อโดยรวมที่อัตราเบี้ยประกันภัยต่อรับอยู่ในช่วงขาขึ้น (Hard Market) ที่ส่งผลให้บริษัทสามารถมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังได้รับอานิสงส์บวกจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ที่ทำให้บริษัทมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตของรายได้จากการให้บริการในบริษัทย่อย บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG ผู้นำด้านบริการเคลมของธุรกิจประกันภัยรถยนต์และสุขภาพ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40% และมีฐานลูกค้าอยู่ในอุตสาหกรรมประกันภัยที่มีความมั่นคง การให้บริการเคลมประกันภัยรถยนต์และสุขภาพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมาย นอกจากนี้ บริษัทกำลังเริ่มดำเนินการระบบ AI Estimate ให้ลูกค้าใช้งานได้ในปีนี้ และจะเริ่มดำเนินการระบบ AI Inspection ให้ลูกค้าใช้งานได้ในปีหน้า ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นในพัฒนาระบบ AI ในธุรกิจเคลมประกันนี้ มีเป้าหมายเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านอินชัวร์เทคแบบครบวงจร พร้อมรับการเติบโตในภูมิภาคอาเซียนอย่างแข็งแกร่ง

“บริษัทมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ารายได้ประกันภัยต่อรับปี 66 สามารถเติบโต 15-17% ได้ตามเป้า โดยมาจากทั้งธุรกิจกลุ่ม Conventional และ Non-conventional ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะสามารถรักษาระดับ Combine ratio ไว้ที่ประมาณ 95-96% ซึ่งสอดคล้องกับแผนระยะยาวของบริษัท ปีนี้จึงนับเป็นปีแห่งการพลิกฟื้นทำกำไรหลังสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย ประกอบกับการมีปัจจัยสนับสนุนจาก Hard Market ในอุตสาหกรรมประกันภัย ที่จะทำให้ธุรกิจไทยรีสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า” นายโอฬาร กล่าว

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED