ค่าเงินบาทไทยเตรียมรีบาวน์กลับมาแข็งค่า หลังเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นการเติบโตของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย คุณเศรษฐา ทวีสิน จะค่อยๆแสดงผลดี
นักกลยุทธ์ที่ Ebury and Societe Generale SA คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทของไทยจะปรับตัวขึ้นไปที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ แข็งค่ากว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากกว่า 5 เปอร์เซ็น การที่ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพจะไปช่วยเหลือหนี้สาธารณะ และ คลายความกังวลของตลาดหุ้นไทยอีกด้วย ตามรายงานของ บล.กรุงศรี
คุณ Vijay Kannan นักยุทธศาสตร์มหภาค ของ SocGen ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า ความเสี่ยงเฉพาะในประเทศไทย เริ่มทยอยลดลง ในช่วงเดือนล่าสุด เริ่มจากความชัดเจนในเรื่องการเมืองการปกครองของไทย ตามมาด้วยการผ่านมาตรการยกระดับการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ
สกุลเงินบาทล่วงลงมา 2.8 เปอร์เซ็นในเดือนกันยายน กลายเป็นค่าเงินที่อ่อนที่สุดในเอเชีย ในขณะเดียวกัน พันธบัตรรัฐบาลก็มีผลตอบแทนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยเหตุเกิดจากความกังวลในเรื่องหนี้ที่จะเพิ่มมากขึ้น ตามนโยบายช่วยเหลือปากท้องชาวไทยที่ประกาศโดยนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย คุณเศรษฐา ในเดือนที่แล้ว
นักกลยุทธ์ หลักทรัพย์ Maybank บอกว่าไทยน่าจะกลับมาเติบโตจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นและนโยบายการเติบโตของรัฐบาลใหม่ โดยความกังวลในเรื่องการคลังกดดันค่าเงินบาทในระยะสั้น แต่ในภาพกว้างเป็นมุมมองที่มีความหมายมากกว่า
คุณเศรษฐา วางเป้าไทยโต 5% หรือมากกว่านั้น เริ่มจากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมันดีเซล พักชำระหนี้ และ เงินต้นกู้ยืมจากชาวนาและธุรกิจขนาดเล็กเป็นเวลา 3 ปี รวมไปถึงการ free visa นักท่องเที่ยวประเทศจีนและ คาซัคสถานเป็นเวลา 5 เดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน เป็นต้นไป
คุณ Matthew Ryan Head of Market Strategy at Ebury บอกว่า เราเชื่อว่าการเทขายเงินบาทครั้งนี้มากเกินไป การดีดตัวกลับใหล้จะเกิดขึ้นในไม่ช้า บัญชีเดินสะพัดของประเทศยังสนับสนุนเงินบาท และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับมาบวกขึ้นแข็งแกร่ง
ธนาคารแห่งประเทศไทย อาจจะมีลมส่งให้บาทไทยอีก ถ้าอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปอีก 25 basis point เป็น 2.5 เปอร์เซ็น ในวันที่ 27 กันยายนนี้ จากการคาดคะเนโดยนักเศรษฐศาสตร์ผ่านทาง Bloomberg Survey
ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปักธงเตือน มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากการขึ้นของราคาพลังงานและราคาอาหาร