ธนาคารออมสินปรับเป้าสร้างกำไรเหมาะสม ช่วยสังคมให้น่าอยู่มากขึ้น

ถ้าเราเป็นรัฐวิสาหกิจที่ก่อตั้งมานานกว่า 100 ปี
ต้อง…นำส่งรายได้เข้าแผ่นดินเป็นประจำทุกปี
ต้อง…ช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก ตามนโยบายของรัฐ

แต่…ต้องทำกำไรให้องค์กรอยู่รอดและพัฒนาต่อไปได้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง ทั้งยังต้องปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยี มีธรรมาภิบาล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ใคร ? จะสามารถทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ให้ครบถ้วนได้ทั้งหมด

คำตอบคือ  ธนาคารออมสิน
หนึ่งในองค์กรตัวอย่างที่แสดงให้เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม ที่ Money Chat รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกัน


💰 ธนาคารเพื่อสังคม เป็นลูกค้าเราเท่ากับช่วยสังคม 💰
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า กลยุทธ์ 5 ปีของธนาคารออมสิน (2568 – 2572)  ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่ปีหน้า (2568) เป็นต้นไป คือการบูรณาการภารกิจด้านสังคมในทุกกระบวนการ ผ่านกระบวนการทำธุรกิจอย่างสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าร่วม (Creating Shared Value : CSV) สร้างผลกระทบและขยายผลลัพธ์ในเชิงบวกแก่สังคมในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

เป็นการทำงานเพื่อสังคมที่ไม่ได้เพิ่งจะเริ่มต้น แต่ธนาคารออมสินได้เริ่มปรับยุทธศาสตร์ให้เป็น “ธนาคารเพื่อสังคม” มาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนฐานราก ด้วยดอกเบี้ยที่เป็นธรรม และนำกำไรจากการประกอบธุรกิจปกติ มาสนับสนุนภารกิจเชิงสังคม

แนวทางของการเป็น “ธนาคารเพื่อสังคม” เริ่มเห็นผลอย่างชัดเจนในปี 2565 และขยายผลไปสู่แนวคิด “เป็นลูกค้าเรา = ช่วยสังคม”

💰 สร้าง Social Impact ปีละไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท 💰

ในปี 2567 ธนาคารออมสินมีปริมาณเงินสำรองส่วนเกิน (General Provision) แตะ 80,000 ล้านบาท (ปี 2562 มีเพียง 4,000 ล้านบาท เท่านั้น) สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่มั่นคง

และตั้งเป้ากำไรในปีนี้ไว้ที่ 27,000 ล้านบาท แม้จะน้อยกว่า ปี 2566 แต่ก็สูงกว่าก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 (2562) นั่นเป็นเพราะ ความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคม สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม (Social Impact) ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะทำกำไรสูงสุดเป็นหลัก แต่จะเป็นกำไรในระดับที่เหมาะสม (Responsible Profit) และช่วยเหลือสังคมอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้น โดยสามารถประเมินเป็นตัวเลขเม็ดเงินปีละมากกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

💰 10 มาตรการ 4 บริษัทย่อย สร้าง Social Impact💰
การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม (Social Impact) ให้กว้างขวาง จะทำผ่าน 10 มาตรการหลัก ได้แก่ 

1) การแก้ไขหนี้ / ยกหนี้ให้ครัวเรือน ช่วยลูกค้าปรับปรุงโครงสร้างหนี้
2) การลดดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ
3) การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ/ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ เพื่อดึงประชาชนกลุ่มฐานราก และกลุ่ม SMEs เข้าสู่ระบบการเงิน
4) การสนับสนุนนโยบายรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สินเชื่ออสังหาฯ และ Soft Loan
5) การช่วยเหลือภัยพิบัติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน พักหนี้ และ สินเชื่อฉุกเฉิน
6) การสร้างอาชีพให้ประชาชนกลุ่มฐานราก  ฝึกอาชีพให้ชุมชน
7) การพัฒนาชุมชน จัดทำโครงการช่วยเหลือชุมชนในภูมิภาคต่าง ๆ
8) การส่งเสริมการออม ให้ความรู้เรื่องการออมและออมเงินกับธนาคารโรงเรียน
9) การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ สะสม ESG Score สนับสนุน สินค้าสีเขียว
10) การดูแลสิ่งแวดล้อม กิจกรรม CSR ส่งเสริมและอนุรักษ์ป่า

ธนาคารออมสินยังมี 4 บริษัทย่อยในเครือ ช่วยเสริมการทำงานให้แข็งแกร่งมากขึ้น ได้แก่
1) บริษัท มีที่มีเงิน จำกัด: ธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ดอกเบี้ยต่ำ เน้นกลุ่มลูกค้า SMEs 
2) บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (ARI-AMC): แก้หนี้ครัวเรือน ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน
3) บริษัท เงินดีดี จำกัด: ปล่อยสินเชื่อประชาชนฐานราก ผ่านแอปพลิเคชัน “Good Money by GSB”
4) บริษัท จีเอสบี ไอที แมเนจเมนท์ จำกัด: ยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัล และ AI

ธนาคารออมสินยังเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปร่วมช่วยเหลือสังคมด้วยการเป็นลูกค้าธนาคารออมสิน เพราะไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เงินฝาก สลากออมสิน สินเชื่อ หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ธนาคารจะนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้คนและสร้างประโยชน์แก่สังคมได้มากขึ้น ตามแนวคิด “เป็นลูกค้าเรา เท่ากับช่วยสังคม”

#ธนาคารออมสิน #ออมสิน #GSB #ธนาคารเพื่อสังคม #เป็นลูกค้าเรา #เท่ากับช่วยสังคม #SocialImpact #ผลกระทบเชิงบวก #มีที่มีเงิน #บริหารสินทรัพย์อารีย์ #ARI-AMC #เงินดีดี #GoodMoney

LATEST NEWS

SCB WEALTH ยกทัพทีม Advisory ครอบคลุมทุกมิติด้านการลงทุน

นายศรชัย สุเนต์ตา (กลาง) ,CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ นำทัพทีมผู้บริหาร SCB WEALTH จัดงานแถลงข่าว SCB WEALTH Holistic Experts ในหัวข้อ Tomorrow’s Wealth: Key Investment Trends Defining 2025 โดยมีนางสาวรัฐยา ทองรัตน์ (ที่ 3 ขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน High Net Worth & Affluent Segment นางสาวศลิษา หาญพาณิช (ที่ 3 ซ้าย) ผู้บริหารสายงาน Wealth and Insurance Capability Development และ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน CASA Product นายสุกิจ อุดมศิริกุล (ที่2ขวา) กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

ฟื้นวิกฤต! ตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งออกแผน 3 ระยะเร่งด่วน เรียกเชื่อมั่นหุ้นไทย

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงกว่าปกติ ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเร่งหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณามาตรการสร้างความเชื่อมั่น เช่น การเพิ่มเม็ดเงินใหม่ผ่านกองทุน LTF และสนับสนุนความยั่งยืน (ESG)

RELATED