AH เปิดงบ 9M67 รายได้ 20,682 ลบ. ต้นทุนการเงินลดต่อเนื่อง ชูศักยภาพผู้นำตลาด-พื้นฐานแกร่ง


AH กลางผลประกอบการ 9M/67 รายได้รวม 20,682 ล้านบาท กำไรสุทธิ 627 ล้านบาท กลยุทธ์กระจายเสี่ยงดันผลงานเหนืออุตสาหกรรม ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไทย คว้าอันดับหนึ่งยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิในไทยไตรมาส 3/67 โรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสีย Purem AAPICO กำไรโตต้นทุนการเงินสุทธิลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากการเดินหน้าชำระคืนหนี้ ผู้บริหารย้ำพื้นฐานบริษัทแข็งแกร่ง ศักยภาพสูงพร้อมโตตามเทรนด์อีวีย้ายฐานผลิต ประกอบการมุ่งศึกษาโครงการใหม่ บริหารต้นทุน-ทยอยลดหนี้เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้ผู้ถือหุ้น

นาย เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things) รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทรายได้รวม 20,682 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 627 ล้านบาท ผลประกอบการของบริษัทมีการปรับตัวตามทิศทางภาพรวมอุตสาหกรรมที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้ออเดอร์การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ลดลง 

แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีจุดแข็งจากกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงผ่านการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ อาทิ จีน มาเลเซีย และโปรตุเกส ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบน้อยกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม สำหรับธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มีการเติบโตของยอดขายรถยนต์ในประเทศมาเลเซีย ในขณะที่ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศมีการปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายรถยนต์ในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับการจัดอันดับว่ามียอดขายรถยนต์มิตซูบิชิเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทั้งนี้ในไตรมาส 3/67 โรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสีย Purem AAPICO ได้มีการเติบโตและกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังผ่านจุดคุ้มทุนของการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ไตรมาสช่วง 2/67 ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ต้นทุนทางการเงินสุทธิของบริษัทอาปิโกลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากการนำเงินสดมาทยอยลดภาระทางหนี้สิน โดยในปัจจุบัน บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงิน 4,766 ล้านบาท ลดลง 2,119  ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงิน 6,885 ล้านบาท ทำให้มีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (IBD/E) ลดลงมาที่ระดับ 0.4 ซึ่งปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่อยู่ที่ระดับ 0.6

“ท่ามกลางสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าบริษัทยังคงเป็นผู้นำในด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรม และสามารถทำกำไรได้แม้อุตสาหกรรมจะชะลอลง จึงอยากให้นักลงทุนมั่นใจว่าบริษัทมีศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของผู้เล่นในตลาดรถยนต์อีวีที่มีการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงเรายังมีเงินสดเพียงพอสำหรับการลงทุนโครงการใหม่ๆในอนาคต เพื่อขยายการดำเนินธุรกิจและกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ สอดคล้องตามกลยุทธ์การเติบโตระยะยาวของบริษัท โดยเรายังคงทยอยลดภาระหนี้สิน และบริหารต้นทุนค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น” นาย เย็บ ซู ชวน กล่าว

LATEST NEWS

SKR จัดทัพใหม่! ตั้ง “ปวีณา ชาญชนะโสภณ” นั่ง CFO มีผล 14 พ.ย. นี้

บมจ.ศิครินทร์ จัดทัพใหม่! บอร์ดไฟเขียวตั้ง “ปวีณา ชาญชนะโสภณ” มือทองด้านการเงิน-การบัญชีนั่งตำแหน่ง CFO แทน “เสนีย์กระจ่างศรี” มีผล 14 พฤศจิกายนนี้ ร่วมขับเคลื่อนองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน

SKR เปิดงบ 3Q/67 กวาดรายได้ 1,675 ลบ. ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีทะลุ 6,200 ลบ. เน้นสถาบันการแพทย์เฉพาะทางโตเด่น

SKR เปิดเผยผลงาน Q3/67 รายได้รวม 1,675.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.95% จากการรักษาโรคยากซับซ้อนด้วยการผ่าตัดผ่านสถาบันการแพทย์เและศูนย์แพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆ การเปิดให้บริการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน รวมถึงการตรวจสุขภาพผ่านโรงพยาบาลเคลื่อนที่ (Sikarin Connect) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการเดินหน้าร่วมมือสำนักงานประกันสังคมตรวจเชื้อมะเร็งปากมดลูก พร้อมเปลี่ยนวิสัยทัศน์รองรับการขับเคลื่อนองค์กรตามแนวทาง ESG เริ่มโครงการ Sustainability in service มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

AIS ประกาศความสำเร็จขายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน มูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท

“บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “AIS”)  ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่เชื่อมั่นและจองซื้อหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนที่บริษัทเสนอขายในครั้งนี้จำนวน 5 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.54% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 4 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 2.74% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.76% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.92% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.22% ต่อปี  โดยเปิดจองซื้อในระหว่างวันที่ 8 และ 11-12 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ AAA(tha) จาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  ส่งผลให้ยอดจองซื้อหุ้นกู้เต็มจำนวนตามเป้าหมาย 25,000 ล้านบาท

RELATED