จับตา “ภาวะเงินฝืดจีน” ส่งสัญญาณ สร้างเงามืด

จีนกำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด และน่าจะมากขึ้นในไตรมาสหน้า ทั่วโลกต้องจับตา

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจต่างๆออกมาแย่กว่าคาด เยาวชนว่างงานสูงเป็นประวัติกาล จนต้องหยุดรายการตัวเลข

ตัวเลขการกู้ยืมเงินภาคธุรกิจและครัวเรือนตกต่ำ ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ บริษัท Country garden ใกล้เข้าสู่การล้มละลาย บริษัท Evergrande ยื่นขอคุ้มครองการล้มละลายจากสหรัฐ

ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.3% ปีนี้ เข้าสู่ภาวะเงินฝืดครั้งแรกในรอบ 2 ปี เป็นปัญหาตรงกันข้ามกับที่ประเทศฝั่งตะวันตกกำลังพบเจอ

ส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยชั่วคราวเนื่องจากพลังงานและราคาเนื้อหมูลดลง ราคาที่อยู่อาศัยลดลง

จีนจัดเป็นประเทศผู้ผลิตสำคัญของโลก เพราะฉะนั้นการเสียศูนย์ของจีน ราคาสินค้าผลิตที่จีนปรับตัวลดลง ปัญหาเหล่านี้จะทะลักเข้าสู่ตลาดโลกในไม่ช้าแน่ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เป็นข่าวดีในระยะสั้น สำหรับธนาคารในประเทศตะวันตกเพื่อหยุดยั้งปัญหาเงินเฟ้อ

หลังวิกฤติโรคระบาด ประเทศฝั่งยุโรปและอเมริกา มีอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นท่ามกลางอุปทาน(Supply)ทีมีจำกัด ในขณะที่อุปสงค์(Demand)ฟื้นตัวเร็ว แต่จีนไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะภาคการผลิตในประเทศช่วยบรรเทาปัญหาคอขวดของอุปทาน และทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์คงที่

ความต้องการซื้อในประเทศทยอยออกไปจากจีน การชำระหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินกดดันให้เงินเฟ้อลดลง กระทบการลงทุนในประเทศ เกิดกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคการผลิต

คุณ Pimco นักเศรษฐศาสตร์บอกว่า รัฐบาลจีนตอบสนองต่อปัญหาพวกนี้ไม่เพียงพอ โดยใช้แค่มาตรการส่งเสริมการกู้ยืมเงินแบบง่ายเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ เจาะจงไปที่กลุ่มรัฐวิสาหกิจและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ไม่เพียงพอที่จะชดเชยการตกต่ำของภาคอสังหาริมทรัพย์

ธนาคารกลางจีน เพิ่มมาตรการหยุดยั้งการอ่อนค่าอย่างรวดเร็วของค่าเงินหยวน พร้อมกับความมั่นใจที่ลดลงของผู้บริโภค แต่ตลาดก็ยังคิดว่ายังไม่ใช่การกระทำที่เพียงพอจะหยุดยั้งเทรนด์ขาลงครั้งนี้ได้

ตลาดหุ้นจีนรีบาวน์อย่างน่าผิดหวัง ส่งความกังวลไปทั่วโลก ความแข็งค่าของเงินดอลลาร์ก็น่าเป็นห่วง

การเติบโตช้า ไม่มีตัวกระตุ้น การค้าขายลดลง เงินทุนไหลออกนอกประเทศ ทุกอย่างกดดันในค่าเงินหยวนของจีนอ่อนแอลงต่อไปในไตรมาสหน้า

ผลกระทบล้นหลาม การนำเข้า และ การส่งออก

สินค้าของจีนค่อนข้างครองตลาดส่วนมากโดยเฉพาะในสหรัฐ ต่อให้จะพยายามไม่หวังพึ่งอุตสาหกรรมการส่งออก และ ตลาดอสังหาริมทรัพย์

ราคาสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐในรอบปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 3%

ส่วนค่าเฉลี่ยราคาขายภายในประเทศลดลงถึง 5% ในรอบปีที่ผ่านมา

ตัวเลขการส่งออกอ่อนตัวในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพราะความเสี่ยงด้านลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนเริ่มเป็นรูปธรรม ทำให้ทางจีนมีโอกาสนำนโยบายการคลังมาใช้กระตุ้นการส่งออกและอุปทานในประเทศที่มากเกินไป ในทางกลับกันเทสินค้าที่ราคาถูกลงไปในตลาดโลก และได้เกิดขึ้นแล้วในประเทศเยอรมนี ราคารถยนต์ไฟฟ้าผลิตจากจีนต่ำลงเกลื่อนเป็นจำนวนมาก

มาตรการกระตุ้นของจีนในรอบนี้ เน้นไปที่ผู้บริโภคมากกว่าการลงทุน หลังจากนี้จะถูกคาดหวังให้มุ่งเป้าไปกระตุ้นความต้องการซื้อสำหรับสินค้าอุตสาหกรรม

ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับศักยภาพในการฟื้นตัวของประเทศจีนได้สร้างเงามืดบนตลาดโลก นักวิเคราะห์ของธนาคารเดอต์ช์ เม็กซิมิเลียน ยูเลอร์และแคโรลิน ราบ กล่าวในบันทึกวิจัยในวันพุธว่า การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางและคำสัญญาของรัฐบาลเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบประมาณเพิ่มเติม ไม่ได้ทำให้ความกังวลในยุโรปลดลง

“บริษัทในยุโรปพึ่งพาความต้องการซื้อจากจีนเป็นจำนวนมาก
สร้างกำไรประมาณ 10% จากจีน”

“เรายังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะกลับไปมีเสถียรภาพในไตรมาสที่ 4 น่าจะเป็นไปได้ แต่ ‘พอเป็นไปได้’ ยังไม่เพียงพอ เราจะรอข้อมูลที่ดีขึ้นก่อนที่เราจะกลับไปมองจีนในทิศทางบวกอีกครั้ง”

ที่มา: China’s deflation could spill over into a global concern, economists say (cnbc.com)

LATEST NEWS

NER พร้อมรับศักราชใหม่ปี 2568 เติบโตอย่างยั่งยืน

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NER”  ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ

ORI โชว์ Backlog แกร่ง 47,329 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 5 ปี พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 10 – 11, 13 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50 -5.15% ต่อปี

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบันจำนวน 3 รุ่นอัตราดอกเบี้ย 4.50 – 5.15% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนเสนอขายระหว่างวันที่ 10 – 11 และวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่าน 9 สถาบันการเงินได้แก่ธ.ซีไอเอ็มบีไทยบล. เอเซียพลัสบล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) บล.บลูเบลล์บล.โกลเบล็ก บล.ยูโอบีเคย์เฮียน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บล.พาย และบล.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ พร้อมโชว์ Backlog ในมือ 47,329 ล้านบาท รอรับรู้สร้างรายได้ต่อเนื่อง 5 ปี เตรียมโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่ปี 2568 เพิ่มอีก 13 โครงการมูลค่าโครงการรวม 17,180 ล้านบาท มีแบ็คล็อกเฉลี่ยแล้วกว่า 70%

RELATED