5 เทรนด์การใช้เงินของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คนทำธุรกิจและนักลงทุนต้องรู้!

ล่าสุด Walmart, Target และ Home Depot ค้าปลีกยักษ์ใหญ่สหรัฐ ได้ประกาศงบไตรมาส 1 ปี 2566 พบว่ามีเทรนด์การจับจ่ายใช้สอยของคนอเมริกันที่เปลี่ยนไปดังต่อไปนี้

1. คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง: คนอเมริกันเริ่มเกิดความไม่มั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตึงตัว รวมถึงยังกังวลเรื่องการล้มของธนาคาร Silicon Valley Bank

2. เงินเฟ้อยังส่งพิษอย่างต่อเนื่อง: แม้สถาณการณ์เงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวลงแล้ว แต่ของกินของใช้ก็ยังคงแพงกว่าในอดีตมาก ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ของใช้ในบ้านต่างๆ ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องใช้จ่ายมากขึ้นในการซื้อของหนึ่งชิ้น

3. ซื้อของเฉพาะในสิ่งที่จำเป็น: ผู้บริโภคเริ่มลดการซื้อของที่มีราคาแพง หรือของที่ไม่จำเป็นในชีวิตลง เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของแต่งบ้าน หรือเสื้อผ้า แต่สิ่งที่น่าสนใจคือสินค้ากลุ่มความสวยงามกลับมาเติบโตมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้คนเริ่มออกไปใช้ชีวิตข้างนอกมากขึ้น หลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย

4. สภาพอากาศหนาวทำให้การบริโภคลดลง: ผู้คนจะจับจ่ายใช้สอยน้อยในช่วงฤดูหนาว หากเทียบกับช่วงหน้าร้อน ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้อเสื้อผ้า ออกไปเที่ยวทะเล หรือซื้ออุปกรณ์ทำสวนมากขึ้น

5. คนเริ่มหันมาตัดสินใจซื้อของในวินาทีสุดท้าย: เดิมผู้บริโภคมักจะซื้อสินค้าออกใหม่ทันทีที่เริ่มวางขายในแต่ละช่วงเทศกาล แต่ในปัจจุบัน ลูกค้าไม่กลัวว่าสินค้าจะขาดสต็อก และเลือกที่จะซื้อสินค้าเมื่อจำเป็นต้องใช้จริงๆ

LATEST NEWS

NER พร้อมรับศักราชใหม่ปี 2568 เติบโตอย่างยั่งยืน

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NER”  ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ

ORI โชว์ Backlog แกร่ง 47,329 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 5 ปี พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 10 – 11, 13 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50 -5.15% ต่อปี

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบันจำนวน 3 รุ่นอัตราดอกเบี้ย 4.50 – 5.15% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนเสนอขายระหว่างวันที่ 10 – 11 และวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่าน 9 สถาบันการเงินได้แก่ธ.ซีไอเอ็มบีไทยบล. เอเซียพลัสบล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) บล.บลูเบลล์บล.โกลเบล็ก บล.ยูโอบีเคย์เฮียน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บล.พาย และบล.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ พร้อมโชว์ Backlog ในมือ 47,329 ล้านบาท รอรับรู้สร้างรายได้ต่อเนื่อง 5 ปี เตรียมโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่ปี 2568 เพิ่มอีก 13 โครงการมูลค่าโครงการรวม 17,180 ล้านบาท มีแบ็คล็อกเฉลี่ยแล้วกว่า 70%

RELATED