กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด! หั่นเป้าจีดีพีปี 66 เหลือโต 3.6%

นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 29 มี.ค.2566 มีมติเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50% เป็น 1.75% ต่อปี โดยมีผลทันที

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัว 3.6% จากเดิมคาดอยู่ที่ 3.7% และปี 2567 จะขยายตัว 3.8% จากเดิมคาดอยู่ที่ 3.9% จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบทุกสัญชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ที่ 28 ล้านคน จากเดิม 22 ล้านคน และปี 2567 เพิ่มเป็น 35 ล้านคน จากเดิม 31.5 ล้านคน ซึ่งส่งผลบวกต่อการจ้างงานและรายได้แรงงาน รวมถึงเป็นแรงส่งต่อเนื่องไปยังการบริโภคภาคเอกชน

ขณะที่การส่งออกสินค้าในไตรมาส 1/2566 เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวจากที่หดตัวในช่วงก่อนหน้า โดยคาดว่าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก

“เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยขยายตัวกลับมาในระดับก่อนโควิดแล้ว จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ ขณะที่การส่งออกสินค้าเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากที่หดตัวในช่วงก่อนหน้า และคาดว่าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากแนวโน้มเงินเฟ้อและสถานการณ์ปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก”

ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มเริ่มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงกลางปี 2566 โดยคาดว่าวนปี 2566 จะอยู่ที่ 2.9% จากเดิมคาดอยู่ที่ 3.0% และปี 2567 อยู่ที่ 2.4% จากเดิมคาดอยู่ที่ 2.1% ตามแรงกดดันด้านอุปทานจากค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันที่ทยอยคลี่คลาย

ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงจากปี 2565 มาอยู่ที่ 2.4% ในปี 2566 จากเดิมคาดอยู่ที่ 2.5% ก่อนจะทยอยปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.0% ในปี 2567 เท่ากับคาดการณ์ครั้งก่อน

อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะอยู่ใน ระดับสูงนานกว่าคาดจากการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการเผชิญภาวะต้นทุนสูงต่อเนื่อง อีกทั้งมีแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

สำหรับระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ โดยปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก ในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลต่อระบบการเงินไทยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสถาบันการเงินและภาคธุรกิจไทย มีความเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินและสินทรัพย์เสี่ยงที่เกิดปัญหาจำกัด รวมถึงธนาคาพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในระยะข้างหน้ามีความไม่แน่นอนสูง จึงต้องติดตามพัฒนาการและผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ฐานะการเงินของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางและอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น คณะกรรมการฯ เห็นควรดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุด และแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง

ทางด้านภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับผ่อนคลาย โดยตึงตัวขึ้นบ้างจากต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชน ที่ปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการระดมทุนของภาคเอกชนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวผันผวนกว่าในช่วงที่ผ่านมา ตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐที่มีความไม่แน่นอน และตลาดการเงินโลกที่ผันผวนขึ้นจากปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินโลกและผลกระทบต่อตลาดการเงินไทยรวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด

“คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้อจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป กระบวนการถอนคันเร่งยังต้องดำเนินการต่อไป จะหยุดที่ระดับใดต้องดูข้อมูลในระยะต่อไป โดยพร้อมที่จะปรับขนาดและเงื่อนเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้”

LATEST NEWS

PrimeStreet Capital ชูกลยุทธ์ “Inside Out – Outside In” ลงทุน 4 เมกะเทรนด์โชว์ผลงาน 2 ปี NAV ทะลุ 5 เท่าลุยเฟส 2 “Outside In” นำเทคโนโลยีระดับโลกแม็ทชิ่งธุรกิจไทย ผลักดันประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำการสร้าง New Economy

PrimeStreet Capital ผู้บริหารกองทุน Global VC แถวหน้าของเมืองไทยในเครือ PrimeStreet Group เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการภายใต้การนำทัพโดย 3 ผู้บริหารหนุ่มที่คว่ำหวอดวงการการเงิน-การลงทุนระดับโลกมากว่า 20 ปีประกาศเดินหน้าเฟ้นหาสุดยอดสตาร์ทอัพทั่วโลก 4 ธีมเมกะเทรนด์ภายใต้กลยุทธ์ “Inside Out – Outside In” นำเทคโนโลยีระดับโลกต่อยอดการเติบโตภาคธุรกิจไทยพร้อมยกระดับ Ecosystem เศรษฐกิจประเทศโชว์ผลงานลงทุน 2 ปี NAV โตทะลุ 5 เท่า IRR พุ่ง 132% ล่าสุดเดินหน้าเฟส 2 “Outside In”  แม็ทชิ่งธุรกิจไทยนำเทคโนโลยีระดับโลกประเดิมโปรเจ็คแรกดันไทยเป็นผู้นำในการรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงสร้างทางเลือกใหม่การรักษาผู้ป่วยในภูมิภาคเอเชียหลังบริษัทร่วมลงทุน “Novel Innate Autoimmune Therapy” จ่อยื่นขออนุมัติขึ้นทะเบียนยาจาก FDA ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ 

SCB CIO แนะเก็บหุ้นสหรัฐเข้าพอร์ตหลัก หลังเฟดหั่นดอกเบี้ย มองเศรษฐกิจไม่ถดถอย ส่วนพอร์ตเสริมแนะหุ้นไทย-เวียดนาม

SCB CIO มองธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 bps มาอยู่ที่ 4.75%-5.00% ต่อปี พร้อมปรับลดต่อเนื่องในปีนี้อีก 50 bps และในปีหน้าอีก 100 bps จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับลดลงเข้าใกล้เป้า 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานที่อ่อนแอลง แต่ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ ผนวกกับภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการเกิด Recession

NER มั่นใจปี 67 โตตามเป้า หลังคำสั่งซื้อล่วงหน้า –  EUDR ตอบรับดี

บมจ.นอร์ทอีสรับเบอร์หรือ NER เผยยาง EUDR ตอบรับดีเตรียมส่งออเดอร์ยางล๊อตแรก 2,000-3,000 ตันต่อเดือนให้ลูกค้าจีนภายในเดือนก.ย.นี้พร้อมตั้งเป้าส่งออกปีนี้ 45,000 ตันและจะเติบโตมากขึ้นในปี 2568 ขณะที่มั่นใจครึ่งปีหลังผลงานดีลุ้นรายได้ปีนี้โตเกินเป้าสูงกว่าปีก่อน

RELATED