NER ตั้งเป้าปี 67 ยอดขาย 5.1 แสนตัน เดินหน้าสร้างโรงงานแห่งที่ 3 พร้อมเจรจาลูกค้าใหม่ เพื่อสอดรับการเติบโตของอุตสาหกรรม

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ NER  ตั้งเป้าปี 2567 ปริมาณขายรวมที่ 5.1 แสนตัน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิตที่ 302,400 ตัน เพื่อให้สอดรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ด้าน ESG บริษัทยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานในทุกมิติ ควบคู่ไปพร้อมกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยแผนงานสำหรับปี 2567 ว่าบริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายยางพาราอยู่ที่ประมาณ 5.1 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้น 5 – 10% จากยอดขายปี 2566 เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับปรุงโรงงาน และครื่องจักรเดิมให้มีประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าใช้งบลงทุนราว 30 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 1,400 ล้านบาท สำหรับการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 มีกำลังการผลิต 302,400 ตัน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกจะมีกำลังการผลิต 172,800 ตัน คาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จปลายปี 2567 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 818,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 515,600 ตัน เพื่อให้สอดรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทมีการขายให้กับลูกค้าไปถึงไตรมาสที่ 2/2567 แล้ว

ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะขยายการลงทุนเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงผู้ผลิตยางล้อที่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตตามมาด้วย ทำให้สนับสนุนความต้องการการใช้ยางในประเทศให้ปรับตัวสูงขึ้น บริษัทซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์หลัก เพราะเดิมมีการส่งออกวัตถุดิบไปยังโรงงานผลิตล้อยางรถยนต์ของประเทศจีนอยู่แล้ว

ด้านสถานการณ์ราคายางพารานั้น เริ่มมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด (Demand) ภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งตลาดในและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มยานยนต์ (รวมยานยนต์ไฟฟ้าตามแผนสนับสนุนของภาครัฐ) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มขยายตัวหนุนความต้องการใช้ยางในภาคก่อสร้าง ซึ่งบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทฯ มีการวางแผนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนในการดำเนินงาน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเพื่อรองรับการผลิตที่มากขึ้นในอนาคต  ตลอดจนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานเพิ่มเติม โดยปัจจุบันบริษัทฯมีพลังงานหมุนเวียน คือ พลังงานจากแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์)และไบโอแก๊สที่ผลิตเพื่อใช้งานเองภายในบริษัท รวมกำลังการผลิต 8 เมกกะวัตต์  ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าพลังงานของบริษัทได้เป็นอย่างดี

ในปี 2567 นี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินโครงการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม มิติด้านสังคม และมิติด้านบรรษัทภิบาล  อาทิ โครงการห่วงโซ่อุปทานเพื่อความยั่งยืน โครงการตลาดสีเขียว โครงการห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ โครงการ NER ร่วมใจลดขยะพลาสติก โครงการตรวจสุขภาพกลุ่มเปราะบาง โครงการส่งสุขความรู้สู่ดวงใจพนักงานผ่านคาราวานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น และจะดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมมากยิ่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้  เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปพร้อมกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ

LATEST NEWS

GC เชิญร่วมงาน GC Sustainable Living Symposium 2024 ตอกย้ำ “ยั่งยืนไม่ยาก” Hybrid Event รวมพลคนหัวใจยั่งยืนเสวนาและนิทรรศการ 18 ตุลาคม 2567 นี้

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ขอเชิญคนหัวใจรักษ์โลก (GEN S: Generation Sustainability) ทุกวัย ทุกอาชีพ มาร่วมกันหาคำตอบของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ในรูปแบบ Hybrid Event ทั้ง On Ground และ Online ภายใต้แนวคิด “ยั่งยืนไม่ยาก”  พบกับการเสวนาเปิดมุมมองธุรกิจสู่ความยั่งยืนอย่างรอบด้านและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero โดยผู้นำจากทุกภาคส่วน ชมนิทรรศการนวัตกรรมที่คิดเพื่อโลก และแลกเปลี่ยนไอเดียสร้างสรรค์จุดแรงบันดาลใจกู้โลกเดือด เป็นประโยชน์สำหรับทั้งภาคธุรกิจและการใช้ชีวิตที่จะทำให้เรื่องของความยั่งยืนไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 นี้

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ก้าวใหม่ปีที่ 74 เป็นมากกว่าประกันภัย ครั้งแรกของไทย! เปิดตัวประกันรถเปิดปิด “รถติดไม่คิดเบี้ย” คืนความคุ้มค่าสู่ลูกค้า และส่งต่อสิ่งดีคืนสู่สังคมผ่านแคมเปญ Thaivivat Caring Forward 

บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ก้าวใหม่ในปีที่ 74 ย้ำแนวคิด Beyond Insurance เป็นมากกว่าประกันภัยเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนคืนสู่สังคม เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ประกันรถเปิดปิด “รถติดไม่คิดเบี้ย” เน้นเข้าใจ Pain Point ของลูกค้าในทุกมิติ ต่อยอดความสำเร็จและเพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่มากกว่าแบบไร้รอยต่อคืนชั่วโมงความคุ้มครองลูกค้าขณะรถติดให้อัตโนมัติพร้อมส่งต่อสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมผ่านแคมเปญ “Thaivivat Caring Forward คิดเผื่อเพื่อสังคม” ชวนลูกค้าประกันภัยรถยนต์ขับรถปลอดภัยได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี โดยประกันภัยไทยวิวัฒน์มอบเงินบริจาคในนามของผู้เอาประกันภัยแก่มูลนิธิเพื่อสังคมล่าสุดผนึกพันธมิตรมอบเงินบริจาคคิกออฟ 1 ล้านบาทกับงานคอนเสิร์ตการกุศล Thaivivat Caring Forward โดยศิลปินชั้นนำ คุณนภพร ชำนิและคุณแสตมป์ อภิวัชร์ สร้างการมีส่วนร่วมในการแบ่งปันเพื่อสังคมที่ดีกว่า

ทรู คอร์ปอเรชั่น ปิดดีลเงินกู้ความยั่งยืนเป็นครั้งแรก มูลค่า 141.3 พันล้านเยน ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากธนาคารต่างประเทศชั้นนำ

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี ชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2023 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ประสบความสำเร็จในการปิดดีลเงินกู้ที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Syndicated Loan) เป็นครั้งแรก มูลค่ารวม 141.3 พันล้านเยน (ประมาณ 33 พันล้านบาท) เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้เดิม (Refinancing) และถือเป็นบริษัทแรกของไทยในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม-เทคโนโลยี ที่ได้รับสินเชื่อความยั่งยืนดังกล่าว

RELATED