ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เปิดตัวแผนยุทธศาสตร์ใหม่ภายใต้แนวคิด “เพื่อส่วนรวมและความเท่าเทียม” (Fair & Inclusive Growth) เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดทุนไทยทุกมิติ
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถลงแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (2568-2570) เพื่อมุ่งเน้นการสร้างโอกาสการลงทุนให้ผู้ลงทุนทุกกลุ่ม ขยายโอกาสในการระดมทุนให้กับบริษัทจดทะเบียน พร้อมทั้งปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและตลาดทุนโลก
แผนงานดังกล่าวประกอบด้วยการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีศักยภาพในการเติบโต (Enable Growth Ambitiously) ผ่านการริเริ่มโครงการ Jump+ ซึ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าและความยั่งยืนตามหลัก ESG ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยในการกำกับดูแลและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุน นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังวางแผนขยายการใช้ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน ขยายระยะเวลาการซื้อ-ขายให้เชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการดึงดูดนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ โดยเฉพาะใน จีน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาความทั่วถึง (Grow Together & Inclusively) เช่น การเปิดตัว Bond Connect Platform ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนบุคคลสามารถเข้าถึงพันธบัตรรัฐบาลได้สะดวกขึ้น ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง รวมถึงการมีโครงสร้างพื้นฐานที่รับการเปลี่ยนแปลง เช่น ปรับปรุงระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ใหม่ (SET Clear) ที่จะเริ่มใช้งานในปี 2570 พร้อมกับการขยายการสื่อสารแก่ผู้ลงทุนและประชาชน
ด้านการสร้างสรรค์คนและอนาคต ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาระบบนิเวศเพื่อการเรียนรู้ทางการเงินเพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ทางการเงินและการลงทุน พร้อมนำเสนอ SET Learn Scape และผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำผ่าน Carbon Market Platform และการสนับสนุนการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและ AI ของพนักงาน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรในระยะยาว
ซึ่งการกำหนดการเริ่มโครงการตามแผนกลยุทธ์ฯ ระยะ 3 ปีนั้น จะเริ่มดำเนินการในปี 2568
ทั้งนี้ นายอัสสเดชกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสการลงทุนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม พร้อมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อให้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย สอดคล้องกับเป้าหมาย
“To Make the Capital Market Work for Everyone”