สำนักงานอัยการกลาง ระบุว่า การสอบสวนจะเน้นไปยังประเด็นการเทกโอเวอร์ครั้งนี้ว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่กำกับสถาบันการเงิน หรือผู้บริหารของทั้ง 2 ธนาคาร ที่ละเมิดกฏหมายอาญาหรือไม่ ในการทำข้อตกลงผนวก 2 ธนาคารเข้าด้วยกันเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้ไปซ้ำเติมสภาพวิกฤตต่อระบบธนาคารโดยรวม
สำนักงานอัยการ กล่าวว่า มี “หลายส่วนของกรณีที่เกี่ยวข้องกับ Credit Suisse” ที่สมควรจะมีการสอบสวนและวิเคราะห์เพื่อ “พิสูจน์ว่ามีการกระทำผิดทางอาญาอะไรหรือเปล่า หรือมีความเหมาะสมในการทำข้อตกลงในครั้งนี้เพียงใด”
“สำนักงานอัยการต้องการปฏิบัติตามอำนาจและหน้าที่ในเชิงรุก เพื่อส่งเสริมภาพพจน์ที่เป็นศูนย์กลางการเงินที่สะอาดของสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับจัดตั้งกลไกตรวจสอบที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบของตนได้อย่างทันท่วงที”
แถลงการณ์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะมีการสอบสวนส่วนไหนของข้อตกลงควบกิจการของธนาคารหรือว่าการสอบสวนจะต้องใช้เวลานานเท่าไร
มาร์ก เพียธ อาจารย์ภาควิชากฏหมายอาญาที่มหาวิทยาลัยบาเซิล กล่าวว่า “มันน่าแปลกใจที่ฝ่ายอัยการจะออกมาให้ความเห็นเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ถือเป็นกรณีพิเศษมากที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง”
คุณเพียธ กล่าวว่า อัยการอาจจะสอบสวนประเด็นการที่เจ้าหน้าที่ละเมิดเงื่อนไขการรักษาความลับหรือเปล่า หรือการใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายใน รวมทั้งปัญหาการตัดเป็นหนี้ศูนย์ของพันบัตรหุ้นกู้ด้วย
ประชาชนและนักการเมืองชาวสวิสได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับขนาดของการช่วยเหลือที่ภาครัฐต้องจัดให้กับการเทกโอเวอร์ในครั้งนี้ ซึ่งต้องใช้เงินไปเกือบ 260,000 ล้านสวิสฟรังก์ ในรูปของการอัดฉีดสภาพคล่องและการประกันความเสี่ยงโดยรัฐบาลและธนาคารกลางสวิส
ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ในสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งมองว่าการเทกโอเวอร์ Credit Suisse ในครั้งนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ได้กระทบต่อชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจการธนาคาร