ราคาหุ้น Tesla ปิดตลาดรูดลง 6% ในวันจันทร์ (เวลาสหรัฐ) หลังจากรายงานยอดตัวเลขส่งมอบรถยนต์รายไตรมาสของบริษัท ทำให้นักลงทุนวิตกว่า Tesla อาจจะต้องปรับลดราคารถยนต์ลงไปอีกเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งจะไปกระทบสัดส่วนการทำกำไร
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Tesla แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในไตรมาสแรกรวม 422,875 คัน ในขณะที่ยอดการผลิตรถรวม 440,808 คัน โดยยอดส่งมอบรถแก่ลูกค้าล่าสุดถือว่าเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปรับลดราคาของรถของบริษัทในตลาดสหรัฐ จีนและยุโรป
ตัวเลขของไตรมาสล่าสุดถือเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันที่ยอดส่งมอบรถ EV แก่ลูกค้ามีต่ำกว่ายอดการผลิต
การลดราคารถ Tesla ในสหรัฐ มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่จะช่วย Tesla และลูกค้าใช้ประโยชน์จากสิทธิ์การขอคืนภาษีรถภายใต้กฏหมาย Inflation Reduction Act แต่สิ่งที่นักลงทุนวิตกกันต่อเนื่องคือภาวะการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจบีบบังคับให้ Tesla ต้องปรับลดราคารถของตนลงต่อไปถ้าต้องการที่จะดึงดูดลูกค้าท่ามกลางสภาพตลาดที่มีรถ EV ยี่ห้อใหม่ๆเข้ามาแข่งขันชิงส่วนแบ่งตลาดกันเพิ่มขึ้น
โทนี่ ซาคอนนากี้ นักวิเคราะห์ที่บริษัทวิจัย Bernstein กล่าวว่า “นักลงทุนหลายคนคิดว่าการปรับลดราคาของ Tesla ในช่วงหลังๆสะท้อนถึงความได้เปรียบในเชิงโครงสร้างต้นทุนที่สามารถกดดันคู่แข่งในการรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่มาก เพื่อที่จะครอบงำตลาดรถ EV ได้ต่อไป
เขากล่าวว่า “เรายังมองว่าการปรับลดราคาของ Tesla จะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งของ Tesla เองด้วย แต่ผู้ผลิตที่ครองตลาดและเป็นผู้นำอยู่แล้วและมีสายป่านยาวกว่าคงจะไม่เปลี่ยนกลยุทธ์ในด้านราคาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน”
บริษัทวิจัย Bernstein ตั้งราคาเป้าหมายของหุ้น Tesla ไว้ที่ 150 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันของหุ้นตัวนี้ที่ยังยืนอยู่สูงกว่า 193 ดอลลาร์
คุณซาคอนนากี้กล่าวว่า “คำถามใหญ่สำหรับนักลงทุนคือตัวเลขสัดส่วนทำกำไรของ Tesla จะมีเท่าไรเมื่อมีการปรับลดราคารถลงมาเป็นอย่างมาก ในขณะที่ต้นทุนด้านราคาวัสดุก็ลดลงมาด้วย”
ที่มา : Tesla shares drop after deliveries report raises concern of price cuts (cnbc.com)