THRE เปิดกำไรครึ่งปี 67 พุ่ง 92% เบี้ยรับเพิ่ม-พอร์ตลงทุนโต แย้มครึ่งปีหลังสดใสมุ่งเจาะตลาดลูกค้าอินโดฯ

THRE เปิดเผยประกอบการครึ่งแรกของปี 67 รายได้เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิ 2,552 ล้านบาทกำไรสุทธิ 146 ล้านบาทโตสูงถึง 92% ผลงานไตรมาส 2/67 โตสวยต่อจากกลยุทธ์มุ่งสร้างการเติบโตธุรกิจกลุ่ม Non-Conventional และ Conventional การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศกลยุทธ์ปรับพอร์ตลงทุนให้ผลตอบแทน 4.0% จากเป้า 3.5% ชี้สัญญาณแนวโน้มครึ่งปีหลังโตต่อเนื่องมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์เจาะตลาดอินโดผู้บริหารมั่นใจโต 10% ตามเป้าเน้นทำกำไรด้วยความระมัดระวังสร้างผลตอบแทนสูงสุดต่อผู้ถือหุ้น

นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ผู้ให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurer) ครอบคลุมทั้งการรับประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุ วิศวกรรม ภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้า ภายในประเทศและต่างประเทศ กล่าวถึงผลประกอบการครึ่งแรกของปี 67 ว่า บริษัทมีรายได้เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิ 2,552 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตสูงถึง 92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/67 บริษัทมีรายได้เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิ 1,352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 12%จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีรายได้เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิ 1,211 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อนก่อนที่ทำกำไรสุทธิไว้ที่ 65 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากปรับกลยุทธ์ มุ่งเน้นสร้างการเติบโตธุรกิจกลุ่ม Non-Conventional และ Conventional รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน ส่งผลให้มีการเติบโตทั้งในส่วนของ Personal line และ Commercial line ในขณะเดียวกัน บริษัทได้ใช้กลยุทธ์การปรับพอร์ตเงินลงทุน ทยอยลดสัดส่วนลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตรไทย เน้นเพิ่มสัดส่วนลงทุนในหุ้นและกองทุนตราสารหนี้ของต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ที่ระดับ 4.0% ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ทำไว้ที่ 2.0% นอกจากนี้ ยังสามารถบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษา Combine Ratio ไว้ได้ที่ 96.7% ซึ่งอยู่ในขอบเขตของเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ที่ 95-97% 

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มเติบโตต่ออย่างเนื่อง โดยพบว่าเบี้ยประภัยต่อรับในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถสร้างเติบโตของธุรกิจได้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี จากภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภัยต่อที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับการใช้กลยุทธ์ขยายธุรกิจไปยังตลาดอาเซียนที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยในปัจจุบัน ไทยรีมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 5.8% โดยในครึ่งปีหลังบริษัทจะมุ่งเน้นเพิ่มฐานลูกค้าในประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีตลาดค่อนข้างใหญ่และมีโอกาสเติบโตสูง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภท Personal Line ที่ตอบโจทย์ลูกค้า

“สำหรับปี 67 นี้ ไทยรีมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10% โดยเราให้ความสำคัญต่อการสร้างอัตราผลตอบแทนของกำไรเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น และอยากให้นักลงทุนมั่นใจว่าบริษัทได้มีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ที่ธุรกิจประกันสุขภาพมีอัตราการเคลมในระดับสูงอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีการคุมสัดส่วนธุรกิจประกันภัยต่อประเภทรถยนต์ EV เพื่อคัดกรองและป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทในระยะยาว” นายโอฬารกล่าว

LATEST NEWS

“Smarthome” สมาร์ทโฮมยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Smarthome” กันให้มากยิ่งขึ้น

บิ๊กดีลสะเทือนวงการ! กรุงศรีฟินโนเวตจับมืออีฟราสตรัคเจอร์ เปิดฉากลงทุนมหาศาลปั้นกองทุนใหม่หนุนสตาร์ทอัพรายเล็กก้าวกระโดด พร้อมเปิด Accelerator ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโต

กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัพระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

SCB CIO มองตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐฯ พอร์ตหลักแนะหุ้นกลุ่มเทคฯ-สุขภาพ- สาธารณูปโภค-ทองคำ ส่วนพอร์ตเสริมสะสมเวียดนาม

SCB CIO มองตลาดหุ้นโลกจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสถิติชี้ว่า ดัชนี VIX  จะเร่งตัวขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ดัชนี S&P500 มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. แนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นเลือกหุ้นคุณภาพดีเติบโตสูงงบแข็งแกร่งยอดขายกำไรเติบโตยั่งยืนเช่นกลุ่มเทคโนโลยีพร้อมผสมผสานกับหุ้นกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนเช่นกลุ่มสาธารณูปโภค  สุขภาพและสินค้าจำเป็น พร้อมระวังลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดเล็กจากกำไรของกิจการของหุ้นขนาดเล็กค่อนข้างผันผวนและอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นหลักซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะลงทุนหุ้นเวียดนามจากดัชนีฯที่ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง

RELATED