ผถห. THREL ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.086 บาท/หุ้น

ผู้ถือหุ้น THREL ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.086 บาท/หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 84.6% ของกำไรสุทธิ ขึ้นเครื่องหมาย XD 3 พ.ค. Record Date 7 พ.ค. กำหนดจ่ายเงินปันผล 24 พ.ค. 67 ผู้บริหารส่งซิกปี 2567 ยังต้องจับตาหลายปัจจัยเสี่ยงใกล้ชิด หวั่นค่าเคลมสินไหม-เงินเฟ้อค่ารักษาพุ่ง กระทบภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิต เร่งเดินหน้าปรับกลยุทธ์เตรียมรับมือ เน้น “ซ่อม-สร้าง” เสริมแกร่ง ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยต่อรับทั้งปีโตต่อเนื่อง 4-5%

นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2566 อัตรา 0.086 บาทต่อหุ้น คิดเป็นวงเงินรวม 52.46 ล้าน หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 84.6% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่าขั้นต่ำของนโยบายจ่ายเงินปันผลที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปี 2567 ยังจำเป็นต้องจับตาหลายปัจจัยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะค่าสินไหมทดแทน(เคลม)ประกันสุขภาพที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯได้ปรับทัพเตรียมรับมือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วยการเดินหน้ากลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” ปักธงเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโต 4-5% จากปี 2566 ที่ทำได้ 3,455 ล้านบาท

นายวิพล กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยบริษัทฯจะเน้นซ่อมเสริมพอร์ตให้แข็งแรงขึ้น ด้วยการดูแลรักษาคุณภาพการรับงานใหม่ๆ เพื่อคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยฉพาะงานด้านประกันสุขภาพกลุ่ม ที่ส่วนใหญ่จะได้รับผลโดยตรงจากการปรับขึ้นราคาค่ารักษาพยาบาล (Medical Cost Inflation) โดยเฉพาะในช่วง COVID-19 ที่มีการขยับขึ้นสูงกว่า 10% เทียบจากช่วงสถานการณ์ปกติมีการปรับขึ้นเฉลี่ยราว 4 – 6% ต่อปี ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการทบทวนราคาค่าเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับการต่ออายุสัญญาให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้วราว 50% ของพอร์ต ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจที่มีโอกาสต่อยอดการเติบโต โดยเฉพาะประกันสุขภาพรายบุคคลที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นตามภาพรวมอุตสาหกรรม

“บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย รวมถึงการคุมเข้มความเสี่ยงในการรับงานใหม่(สร้าง) และบริหารจัดการเรื่องการปรับอัตราและเงื่อนไขให้เหมาะสม (ซ่อม) เพื่อควบคุมอัตราค่าสินไหมทดแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ภายใต้การเดินหน้ามองหาโอกาสใหม่ๆต่อยอดการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป” นายวิพลกล่าว

LATEST NEWS

SCB WEALTH เปิดผลงานย้อนหลัง 10 ปี ตลาดหุ้นสหรัฐโชว์ผลงานโดดเด่นเฉลี่ย 15%ต่อปี แนะลงทุนยาวหนุนมั่งคั่ง จับจังหวะลงทุนเกาหลีใต้-เวียดนาม-จีน H-Share

SCB WEALTH เผย ผลตอบแทนตลาดหุ้นย้อนหลัง 10 ปี (2555 – 2566) พบตลาดหุ้นสหรัฐสร้างผลตอบแทนดีที่สุดเฉลี่ย 15% ต่อปี มองทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นทั่วโลก มีแนวโน้มเติบโตได้ดี แนะพอร์ตลงทุน ใน Core Portfolio  เน้นลงทุนประมาณ 75 -100 % ควรมีสินทรัพย์ที่หลากหลายและมีสภาพคล่อง  พร้อมมองหาโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ  ยุโรป และญี่ปุ่น ส่วนตลาดเกิดใหม่ ที่น่าสนใจ เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตสูง  ได้แก่ อินเดีย  อินโดนีเซีย และจีน  รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสงคราม และเงินเฟ้อ ส่วน Opportunistic Portfolio   สัดส่วนลงทุน 0-25 % มุ่งเน้นไปยังตลาดที่มองเห็นโอกาสในระยะสั้น แนะลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เวียดนาม และตลาดหุ้นจีน H-Share

PrimeStreet Capital ผนึก Photon Group ร่วมบริหารการลงทุนกองทุน 150 ล้านดอลลาร์ ลุยพลังงานยั่งยืนเสริมความมั่นคงประเทศ

PrimeStreet Capital ผู้บริหารกองทุน Global Venture Capital สัญชาติไทย ลงนามความร่วมมือ Photon Group บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ สัญชาติญี่ปุ่น ลุยลงทุน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างความยั่งยืนด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน้นกลยุทธ์ “Inside Out – Outside In” ของกองทุน PrimeStreet Capital เสริมความมั่นคงและเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ยกระดับศักยภาพ Ecosystem ประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ต่อยอดการเติบโตสู่กองทุน Global Venture Capital ตามเป้า

AH เปิดเผยงบ Q1/67 รายได้กว่า 7,580 ลบ. ชูกลยุทธ์ Diversification โตต่างประเทศ พื้นฐานกิจการแข็งแกร่ง-ปันผลสูง

AH เปิดเผยผลประกอบการ Q1/67 รายได้รวม 7,580 ล้านบาท กำไรสุทธิ 319 ล้านบาท ชูจุดแข็งกลยุทธ์กระจายเสี่ยง ออเดอร์คำสั่งซื้อจีนเพิ่ม ธุรกิจในมาเลเซียโตต่อ ตอกย้ำความแข็งแกร่งผู้นำยานยนต์ พร้อมเติบโตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวรอบใหม่ ผู้บริหารมุ่งหน้าหาออเดอร์และลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริการจัดการต้นทุนอย่างใกล้ชิด เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวต่อผู้ถือหุ้น นับเป็นหุ้นพื้นฐานกิจการดี-ปันผลสูงถึง 8%

RELATED