รมว.คลังสหรัฐ เจเน็ต เยลเลน กล่าวว่า ธนาคารในสหรัฐคงจะใช้ความระมัดระวังรอบคอบมากขึ้นในการปล่อยกู้ หลังจากกรณีการล่มสลายของธนาคาร 2-3 ราย ซึ่งจะมีผลช่วยลดความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก
คุณเยนเลน กล่าวในรายการ “Fareed Zakaria GPS” ของ CNN ว่า มาตรการของทางการที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากการล้มครืนของ Silicon Valley Bank และ Signature Bank ที่อาจจะมีต่อทั้งระบบการเงินได้ช่วยชะลอการไหลออกของเงินฝากจนสถานการณ์เริ่มจะทรงตัวได้แล้ว
เธอกล่าวว่า “ธนาคารต่างๆ น่าจะระวังมากขึ้นในสภาพแวดล้อมเช่นนี้”
“เราเริ่มเห็นมาตรฐานการปล่อยกู้ในระบบธนาคารที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งคงจะมีต่อเนื่องต่อไป”
คุณเยลเลน กล่าวว่า สภาพเช่นนี้จะช่วยจำกัดเงินสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเท่ากับไปทดแทนการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เฟดมีความจำเป็นต้องทำ”
แต่ รมว. คลัง ยอมรับว่า เธอยังไม่เห็นผลรับที่ดีในเรื่องนี้ที่ “มากหรือมีนัยสำคัญพอ” ที่จะมาเปลี่ยนแนวโน้มเศรษฐกิจที่เธอเห็น
คุณเยลเลน กล่าวว่า “เพราะฉะนั้น ดิฉันคิดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงจะขยายตัวในระดับปานกลางโดยยังมีตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ในขณะที่เงินเฟ้อจะผ่อนคลายลง”
รมว.คลัง ไม่ใช่เป็นผู้เดียวในแวดวงรัฐบาลที่คาดว่าสถาบันการเงินจะลดการปล่อยกู้ หลังจากสภาพความปั่นป่วนในภาคการเงินเมื่อเดือนที่แล้ว
จนท. เฟดบางคน กล่าวว่า เฟดควรจะปรับท่าทีของการใช้มาตรการสกัดเงินเฟ้อให้ระวังรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากพวกเขาคาดว่าธนาคารต่างๆ คงจะเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องการปล่อยสินเชื่อในเดือนต่อๆ ไปข้างหน้า
ข้อมูลตัวเลขงบดุลรายสัปดาห์ของสถาบันการเงินที่เฟดเผยแพร่ยังไม่ได้ชี้ถึงการชะลอการปล่อยสินเชื่ออย่างมีนัยสำคัญ แต่ปริมาณเงินไหลออกของเงินฝากเริ่มชะลอลงใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ถูกถอนออกอย่างมหาศาลในกลางเดือน มี.ค. ในช่วงแรก หลังการล่มสลายของธนาคาร SVB และ Signature Bank