จับตา “ภาวะเงินฝืดจีน” ส่งสัญญาณ สร้างเงามืด
จีนกำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด และน่าจะมากขึ้นในไตรมาสหน้า ทั่วโลกต้องจับตา
จีนกำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด และน่าจะมากขึ้นในไตรมาสหน้า ทั่วโลกต้องจับตา
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยเศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย.2566 อยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วิกฤตเมื่อเกิดแล้ว ก็จะจบลงในที่สุด ณ จุดนี้ เราได้เผชิญกับวิกฤต Perfect Storm มาระยะหนึ่งแล้ว และเริ่มเห็นว่า ผลกระทบในมิติต่างๆ ได้เริ่มซาลง กระทั่งเงินเฟ้อในประเทศต่างๆ ก็เริ่มลงมาพอควร
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน เม.ย.2566 อยู่ที่ระดับ 107.96 เพิ่มขึ้น 2.67%
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยเศรษฐกิจไทยในเดือน มี.ค.2566 ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยมูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำปรับลดลง สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมและเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน ขณะที่เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนทรงตัว หลังจากที่หมวดสินค้าคงทนได้เร่งไปในช่วงก่อนหน้า
นักวิเคราะห์พากันแปลกใจว่าในขณะนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจีนในตลาดหุ้นในประเทศทำไมยังมีน้อย ถึงแม้ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีนควรจะทำให้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งที่น่าลงทุน
จากความตึงเครียดในภาคการเงิน (financial sector stress) โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้สถาบันการเงินใน 2 กลุ่มประเทศนี้ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ (lending standard) มากขึ้น
บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐชี้ว่าประเทศนี้กำลังจะเดินเข้าสู่สภาวะถดถอย และนักลงทุนในตลาดหุ้นควรเตรียมตัวรับผลกระทบที่จะตามมา
นักลงทุนที่เป็นตัวแทนผู้ถือตราสารหนี้มูลค่า 4,500 ล้านสวิสฟรังก์ (5,000 ล้านดอลลาร์) ที่ออกโดยธนาคาร Credit Suisse ยื่นฟ้องหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินของทางการสวิส
จีนประกาศ GDP ไตรมาสแรก เติบโต 4.5% ต่อปี ในขณะที่ประเทศอื่นที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่กำลังเผชิญกับปัญหาการชะลอตัว